ธปท.ลุยขยายคลินิกแก้หนี้ เฟส 2 ดึงนอนแบงก์ร่วมโต๊ะลดหนี้ครัวเรือน

07 พ.ค. 2562 | 11:52 น.

ธปท.ดึงนอนแบงก์ร่วม“คลินิกแก้หนี้ ระยะที่ 2” ดีเดย์ 15 พ.ค.นี้ หวังลดหนี้ครัวเรือน หลังตัวเลขแตะ 80% สูงสุดเมื่อเทียบประเทศระดับเดียวกัน มั่นใจความร่วมมือ 35 แห่ง ช่วยแก้หนี้ครอบคลุม 99% ของหนี้ที่มีอยู่ในตลาด     

               นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนมีความสำคัญต่อระบบอย่างมาก ปัจจุบันสัดส่วนหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ระดับ 80% ไม่รวมหนี้เพื่อกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) และหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศใกล้เคียงกัน และพฤติกรรมที่น่ากังวลคือ มีหนี้เร็ว หนี้สูง แก่และยังมีหนี้ และพบว่า หนี้เสียเพิ่มมากขึ้น  โดย 1 ใน 5 เป็นหนี้เสียที่เกิดจากลูกค้าอายุยังน้อย

ธปท.ลุยขยายคลินิกแก้หนี้ เฟส 2 ดึงนอนแบงก์ร่วมโต๊ะลดหนี้ครัวเรือน

                ทั้งนี้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ธปท.ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และบริษัท บริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท จำกัด (SAM) เปิดโครงการ“คลินิกแก้หนี้” ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานกลางที่มุ่งช่วยเหลือประชาชนที่มีหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันกับเจ้าหนี้หลายราย โดยที่ผ่านมา มีลูกหนี้เข้าโครงการและปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่มิถุนายน 2560 –เมษายน2562 จำนวน 1,500 ราย มูลหนี้ 405 ล้านบาท เฉลี่ย 3 แสนบาทต่อราย โดยมีลูกหนี้ผ่อนชำระและปิดบัญชีแล้ว 16 ราย

ธปท.ลุยขยายคลินิกแก้หนี้ เฟส 2 ดึงนอนแบงก์ร่วมโต๊ะลดหนี้ครัวเรือน

ที่ผ่านมา มีผู้ให้ความสนใจติดต่อเข้ามาจำนวนมาก แต่บางส่วนไม่เข้าเกณฑ์คือ ยังไม่เป็นหนี้เอ็นพีแอล หรือผิดนัดชำระเกิน 90 วัน และบางส่วนเป็นหนี้ที่เกิดจากสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non Bank) ซึ่งโครงการคลินิกแก้หนี้ไม่ครอบคลุม ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาให้คนที่ติดอยู่ในวงจรหนี้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้ จึงปรับและผ่อนปรนหลักเกณฑ์ต่างๆ เพิ่มเติมภายใต้โครงการ“คลินิกแก้หนี้ ระยะที่ 2” โดยวันที่ 18 เมษายน 2562 มีการแก้ไขกฎหมายให้ SAM สามารถรับบริหารหนี้ในส่วนของ Non Bank ได้  ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์และ Non Bank เข้าร่วม 35 แห่ง สามารถแก้ไขหนี้ครอบคลุมถึง 99% ของหนี้ที่มีอยู่ในตลาด

ธปท.ลุยขยายคลินิกแก้หนี้ เฟส 2 ดึงนอนแบงก์ร่วมโต๊ะลดหนี้ครัวเรือน

                ทั้งนี้ หากดูข้อมูลจะพบว่า หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลส่วนใหญ่มากกว่า 50% จะอยู่กับ Non Bank โดยข้อมูล ณ วันที่ 31 พฤศจิกายน 2561 พบว่า ลูกหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน และเป็นหนี้ในส่วนของ Non Bank ตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไป มีทั้งสิ้น 3.09 แสนราย มูลหนี้ 2.18 หมื่นล้านบาท กลุ่มลูกหนี้ที่มีหนี้ทั้งธนาคารพาณิชย์และ Non Bank ตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไปมี 9.6 หมื่นราย มูลหนี้ 8,300 ล้านบาท และกลุ่มลูกหนี้ที่มีหนี้กับธนาคารพาณิชย์ ตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไป 8.7 หมื่นราย มูลหนี้ 1.86 หมื่นล้านบาท รวมลูกหนี้ทั้ง 3 กลุ่ม พบว่ามี 4.92 แสนราย มูลหนี้ 4.87 หมื่นล้านบาท

ธปท.ลุยขยายคลินิกแก้หนี้ เฟส 2 ดึงนอนแบงก์ร่วมโต๊ะลดหนี้ครัวเรือน

ดังนั้น การขยายขอบเขตโครงการระยะ 2 ที่จะเริ่มสมัครเข้าโครงการภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 นี้ จะช่วยแก้ปัญหาหนี้ได้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากขึ้น และคาดว่า อย่างน้อยจะมีลูกค้าเข้าโครงการภายในสิ้นปีที่ 7,500 ราย และตั้งเป้าลูกหนี้ที่ไหลกลับมาเป็นเอ็นพีแอล (Re-Entry) ไม่ควรเกิน 10% ของลูกหนี้ในโครงการ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ตกงาน และปัญหาครอบครัว

ธปท.ลุยขยายคลินิกแก้หนี้ เฟส 2 ดึงนอนแบงก์ร่วมโต๊ะลดหนี้ครัวเรือน

               “โครงการแรก มีลูกหนี้ติดต่อเข้ามาเยอะถึง 3.7 หมื่นราย แต่เข้าโครงการได้จริงเพียง 1,500 ราย ส่วนหนึ่งมาจากตัวเองยังไม่เป็นหนี้เสีย และเป็นหนี้จากนอนแบงก์ ทำให้คนเข้าโครงการน้อย ซึ่งการเปิดให้ลูกหนี้นอนแบงก์ระยะที่ 2 เข้าโครงการได้จะช่วยแก้ปัญหาหนี้ที่ครอบคลุมถึง 99%”

ธปท.ลุยขยายคลินิกแก้หนี้ เฟส 2 ดึงนอนแบงก์ร่วมโต๊ะลดหนี้ครัวเรือน