BKI ผนึก "แบงก์กรุงเทพ" ลุยประกันในต่างประเทศ
... แนวโน้มการแข่งขันตลาดประกันภัยที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ ที่จะเห็นบริษัทต่าง ๆ หันมาแข่งขันหั่นราคาสู้จนก่อให้เกิดความเสียหาย สะท้อนจากอัตราความเสียหายและค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ที่สูงกว่า 72% ขาดทุนในระดับ 1 หมื่นล้านบาท บริษัทประกันที่ลงมาเล่นในตลาดนี้ล้มหายตายจากไปกว่า 10 ราย ส่งผลให้บริษัทประกันขนาดเล็กที่เหลือในระบบ 24 ราย มีสัดส่วนเบี้ยประกันเพียง 4% อยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วงอย่างมาก และเป็นเรื่องที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) แม้จะไม่ได้ลงไปเล่นในด้านราคา แต่จากภาวะตลาดที่เริ่มยากมากขึ้น บริษัทได้ขยายธุรกิจและลงทุนไปยังต่างประเทศ แม้สัดส่วนพอร์ตต่างประเทศยังน้อยมากไม่ถึง 10% แต่ถือเป็นการกระจายการลงทุนและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น
นายพนัส ธีรวณิชย์กุล กรรมการและที่ปรึกษาด้านขยายธุรกิจ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เล่าให้ "ฐานเศรษฐกิจ" ฟังว่า ทิศทางธุรกิจในต่างประเทศปี 2562 ยังคงดำเนินธุรกิจรับประกันในลักษณะสัญญาแลกเปลี่ยนงาน (Inverse Insurance) ซึ่งแต่ละปีจะมีการรับประกันเฉลี่ย 1,000 ล้านบาท โดยจะอยู่ในกลุ่มเอเชีย เช่น ฮ่องกง อินโดนีเซีย ไต้หวัน และญี่ปุ่น โดยบริษัทที่ทำสัญญาแลกเปลี่ยนงานกันจะเป็นบริษัทประกันในประเทศนั้น ๆ ที่มี 1-2 บริษัท
"เรามองว่า ตลาดอินโดนีเซียถือเป็นตลาดที่น่าสนใจ แม้จะมีภัยค่อนข้างมาก แต่ถ้าทำตลาดถูกทางก็มีโอกาสทำกำไรได้ ซึ่งตลาดที่นั่นจะแข่งขันด้านราคาและให้ส่วนลดมากกว่า 50% แต่เมื่อคิดเบี้ยสุทธิแล้วยังคงมีราคาที่สูงกว่าไทยเล็กน้อย โดยปี 2561 มีเบี้ยในอินโดนีเซีย 60-70 ล้านบาท ถือว่าเป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จ"
นอกจากการรับประกันในลักษณะสัญญาเปลี่ยนงานแล้ว ช่วงปี 2561 ต่อเนื่องถึงปี 2562 บริษัทจะให้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็น Frontier Partner โดยจะเน้นทำธุรกิจควบคู่ไปกับลูกค้าสินเชื่อของธนาคารกรุงเทพ ซึ่งมีทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ ซึ่งเบื้องต้น ยังไม่ได้ตั้งเป้าเติบโตเบี้ยมากนัก เพราะต้องการทดลองตลาด รวมถึงต้องอบรมพนักงานและทีมงานให้สอดคล้องกับการขยายธุรกิจด้วย
สำหรับสาขาต่างประเทศ (Full Branch) ของบริษัท ทั้ง 2 สาขานั้น ในส่วนของสาขากัมพูชา ซึ่งเปิดมา 23 ปี เป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยปี 2561 มีเบี้ยอยู่ที่ 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 3% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีเบี้ย 6.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ กำไรในปี 2561 อยู่ที่ 8.4 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนปี 2562 ตั้งเป้าเบี้ยประกันเติบโต 10% ซึ่งเซ็กเตอร์ที่ขยายตัวได้ดีจะเป็นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน โรงแรม ช็อปปิ้งมอลล์
ด้านสาขา สปป.ลาว เปิดมาแล้ว 2 ปีครึ่ง ปี 2561 มีเบี้ยอยู่ที่ 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีกำไรอยู่ที่ 1.8 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ จากปี 2560 มีเบี้ย 3.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีผลขาดทุน 1.02 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งปีที่ผ่านมา มีบริษัทประกันของจีน PICC หรือ People’s Insurance Company เข้ามาซื้อหุ้นบริษัท 15% จากทุนจดทะเบียนใน สปป.ลาว ที่ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้บริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้น จนสามารถขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 ของบริษัทประกันใน สปป.ลาว ซึ่งปีนี้คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 15% ซึ่งมาจากเซ็กเตอร์พลังงาน เขื่อน โรงไฟฟ้า โดยปัจจุบัน อยู่ระหว่างเสนอราคาเขื่อน จากปัจจุบันทำอยู่ 2-3 ราย
"ภายใต้การแข่งขันในต่างประเทศที่รุนแรง เรามองหาตลาดที่มีศักยภาพ ซึ่งจากการเข้าไปสัมพันธ์ตลาด พบว่า ชื่อเสียง BKI เป็นที่ยอมรับ ปีนี้เราจึงยังสานต่อตลาดต่างประเทศ โดยจะไปพร้อมกับแบงก์กรุงเทพ เพราะลูกค้าที่แบงก์กรุงเทพปล่อย ส่วนใหญ่จะทำประกันกับบริษัทท้องถิ่น หากเราเข้าไปทำตลาดตรงนี้น่าจะดี"
ส่วนทิศทางธุรกิจในประเทศตั้งเป้าเบี้ยประกันเติบโต 15% คิดเป็นเบี้ยรับ 2 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าประกันรถยนต์ (Motor) เติบโต 20% และประกันที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non Motor) 9-10% มากกว่าอุตสาหกรรม ที่คาดว่าจะขยายตัว 5-6%
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,460 วันที่ 11-13 เมษายน 2562
