'บัณฑูร' จี้! "นักการเมือง" หันหน้าพูดคุย เร่งตั้งรัฐบาล เดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ  

04 เม.ย. 2562 | 11:40 น.


'บัณฑูร' จี้! นักการเมืองหันมาพูดคุยเดินหน้าตั้งรัฐบาล เชื่อประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ลั่น! ตั้งรัฐบาลทันไม่กระทบเศรษฐกิจ ส่วนผลงานไตรมาสแรก เผย ชะลอตัว เหตุลูกค้าชะลอการลงทุน รอความชัดเจนหลังเลือกตั้ง ทั้งปีมั่นใจตามเป้า 5-7% เอ็นพีแอลไม่เกิน 3% จ่อคุยแบงกกิ้งเอเยนต์เพิ่มอีก 1 ราย

 

บัณฑูร ล่ำซำ

 

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจตอนนี้เป็นเหมือนกันทั่วโลก แต่ประเทศไทยมีบริบทที่จะต้องทำให้ประเทศสงบก่อน เพราะหากตกลงไม่ได้ ประเทศก็ไปไม่ได้ ผู้ประกอบการต้องผลิตสินค้าที่สู้ได้ ถึงจะแข่งขันได้ หากผลิตสินค้าที่สู้ไม่ได้ ก็ไปไม่รอด อย่างไรก็ดี ประเทศไทยจะมีการจัดตั้งรัฐบาล แต่วันนี้ยังคงพูดจารุนแรงใส่กัน ซึ่งก็เป็นสภาวะทั่วไป แต่ก็ตกลงกันได้ เพราะหากภาครัฐไม่ทำกรอบและประชาชนจะทำอย่างไรได้

อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้อาจจะอยู่ในช่วงพิธีมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือน พ.ค. จึงต้องทำให้พิธีผ่านไปเรียบร้อยก่อน หลังจากนั้น ควรจะมีการพูดคุยกันให้เรียบร้อย เพราะถ้าประเทศไม่มีผู้จัดการประเทศ สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่ชัด ประเทศก็ไปได้ยาก เพราะประเทศต้องมีการจัดการ


"แต่ละวันก็มีการพูดจารุนแรงใส่กัน แต่ก็เป็นสภาวะทั่วไป แต่ภายหลังน่าจะตกลงกันได้ เพราะประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์คุ้มครอง"

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อในไตรมาสที่ 1 ยังขยายตัวไม่มาก ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลอยู่แล้ว และส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ชะลอการลงทุน เพื่อรอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้สินเชื่อและการลงทุนยังไม่มากเต็มที่ ประกอบกับสินเชื่อธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) ชะลอตัวตามการส่งออกที่ชะลอตัวลง ทำให้ภาพรวมไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 สินเชื่อยังคงชะลอตัว

อย่างไรก็ดี แนวโน้มทั้งปียังมองว่า อัตราการเติบโตน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในกรอบ 5-7% โดยสินเชื่อรายย่อยยังขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวค่อนข้างมาก เนื่องจากลูกค้าต้องการสินเชื่อ ขณะที่ สินเชื่อรายใหญ่และเอสเอ็มอียังไม่ค่อยขยายตัว แต่เชื่อว่า สินเชื่อต่างประเทศจะมาช่วยสนับสนุนการเติบโต เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อต่างประเทศมีพอร์ตใหญ่และขยายตัวได้ดี ทั้งในส่วนของเวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา และจีน แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัว แต่ก็ยังคงขยายตัวได้ดี

เป้าหมายการเติบโตสินเชื่อ 5-7% แบ่งเป็น สินเชื่อรายย่อยเติบโต 9-12% รายใหญ่ 3-5% และเอสเอ็มอี 2-4% ขณะที่ คุณภาพสินเชื่อค่อนข้างดี โดยประเมินหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ยังอยู่ในระดับที่ดีประมาณ 3% ขณะที่ ทิศทางสาขาในปีนี้จะเป็นไปตามแนวโน้มดิจิทัล คือ มีทั้งการปิดและเปิดสาขา โดยปีนี้ตั้งเป้าปิดประมาณ 80 แห่ง และเพิ่มสาขาอีก 30 แห่ง เหลือปิดสุทธิ 55 แห่ง ส่งผลให้จำนวนสาขาภายในสิ้นปีจะอยู่ที่ 910 แห่ง ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนธุรกรรมบนสาขาที่ปรับลดลงประมาณ 5-10% จำนวนธุรกรรมเอทีเอ็มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ จำนวนธุรกรรมผ่านโมบายแบงกิ้งเพิ่มสูงถึง 120% ดังนั้น การปรับเปลี่ยนสาขาจะต้องมาทบทวนต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน การแต่งตั้งตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) เข้ามาช่วยลดต้นทุน จะเห็นว่าต้นทุนทำธุรกรรมผ่านสาขา 1 รายการ จะมีต้นทุนประมาณ 50 บาท ซึ่งแบงกิ้งเอเย่นต์จะเข้ามาช่วยส่วนนี้ และเพิ่มความสะดวกกับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีไปรษณีย์เป็นตัวแทน และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพูดคุยกับอีกหลายราย แต่คาดว่าภายในครึ่งปีแรกน่าจะได้เพิ่มอีก 1 ราย

"แนวโน้มสินเชื่อครึ่งปีแรกน่าจะชะลอกว่าครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล และอีกส่วนมาจากผู้ประกอบการชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจน อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่า ทั้งปีสินเชื่อน่าจะได้ตามเป้า 5-7% ภายใต้จีดีพีขยายตัวอยู่ที่ 3.7%"