‘เพื่อไทย’พล่าน! ต่อสายล็อบบี้พรรคเล็กร่วมรัฐบาล
ปรากฏการณ์ทางการ เมืองที่เกิดขึ้นหลังปิดหีบเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา หนีไม่พ้นขั้วการเมือง 2 ขั้ว คือ ขั้วพลังประชารัฐ (พปชร.) และขั้วเพื่อไทย (พท.) ที่จะชิงความได้เปรียบในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งต้องมีเสียง 251 เสียงขึ้นไปซึ่งตามไทม์ไลน์การเมืองขีดเส้นให้โหวตเลือกนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาล เกิดขึ้นปลายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ เนื่องจากจะต้องผ่านการรับรองและประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน ในวันที่ 9 พฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ในระหว่างที่ กกต.ยังไม่ได้ประกาศและรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรียกตัวเองว่า “ขั้วประชาธิปไตย” ได้อ้างความชอบธรรมที่ได้ส.ส. เขตมากที่สุด จำนวน 137 ที่นั่ง แถลงข่าวประกาศจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ 7 พรรคการเมือง โดยอ้าง มีเสียงสนับสนุนรวม 255 เสียง
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็อ้างความชอบธรรมในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยยึดจากคะแนนที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย สูงสุดถึง 8.4 ล้านเสียง เป็นอันดับ 1 ของทุกพรรคที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง
เหตุผลที่พลังประชารัฐยังไม่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับเพื่อไทย เพราะยังรอให้ กกต.ประกาศและรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเสียก่อน โดยเฉพาะการคำนวณจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ การที่เพื่อไทยประกาศจับมือกับ 7 พรรคด้วยเสียง 255 เสียง ขณะที่ กกต.ยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการ จึงไม่ถือว่าเป็นคะแนนที่เป็นทางการ และคะแนนยังไม่ครบถ้วน
“สุดารัตน์”ต่อสายชพน.
ในระหว่างที่การชิงไหวชิงพริบของ 2 ขั้วการเมืองเป็นไปอย่างเข้มข้น วันที่ 28 มีนาคม ทาง กกต. ได้ประกาศคะแนนการเลือกตั้งส.ส.ระบบเขต 350 เขตอย่างไม่เป็นทางการ ทำให้ มีการคิดคำนวณจำนวนส.ส.ของแต่ละพรรคที่ได้รับในระบบบัญชีรายชื่อ และเมื่อรู้ที่นั่งส.ส.เบื้องต้น ทำให้ 2 ขั้วการเมือง มีที่นั่งส.ส.ดังนี้
“ขั้วพลังประชารัฐ” ประ กอบด้วย พลังประชารัฐ มี 117 เสียง รวมกับพรรคอื่นๆ ที่คาดว่าจะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ประ กอบด้วย ประชาธิปัตย์ 52 เสียง ภูมิใจไทย 51 เสียง ชาติพัฒนา 10 เสียง รวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง ชาติพัฒนา 3 เสียง รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง และพรรคเล็กอื่นๆ อีก 12 เสียงรวมมี 255 เสียง
ขณะที่ “ขั้วเพื่อไทย” ประกอบด้วย เพื่อไทย 137 เสียง อนาคตใหม่ 79 เสียง เสรีรวมไทย 10 เสียง เศรษฐกิจใหม่ 6 เสียง ประชาชาติ 7 เสียง เพื่อชาติ 5 เสียง และพลังปวงชนไทย 1 เสียง รวมกันแล้ว มี 245 เสียง
ล่าสุดแหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ต่อสายโทรศัพท์ไปล็อบบี้แกนนำพรรคชาติพัฒนา(ชพน.) ที่มีส.ส. 3 เสียง เพื่อขอให้ร่วมรัฐบาลกับขั้วเพื่อไทย โดยเสนอทำนองว่าอยากได้เก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงไหนก็ขอให้บอกมา ขณะเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ ยังได้ต่อสายไปยังพรรคอื่นๆ อีกด้วยเช่นกัน เพื่อทำให้ “ขั้วเพื่อไทย” มีเสียงส.ส.เกิน 250 เสียงให้มากที่สุด
ปชป.โยนชุดใหม่ชี้ร่วมรัฐบาล
ด้านการประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะร่วมรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน โดยจะให้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่พิจารณาร่วมกับส.ส.ที่ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้ตัดสินใจ หลัง กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว โดยในระหว่างนี้พรรคจะให้ความสำคัญกับงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และการบริหารจัดการภายในพรรคก่อน
ขณะเดียวกัน หลังประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรค มีการรับประทานอาหารร่วมกันกับอดีตส.ส.และว่าที่ส.ส.ใหม่ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รักษาการหัวหน้าพรรค และ นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค นั่งหัวโต๊ะการประชุม รวมถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำพรรค อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ มีการประเมินสถานการณ์หลังการเลือกตั้ง และเห็นตรงกันว่า การเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง โดยผู้ใหญ่ในพรรคยํ้าว่า ขออย่าให้สมาชิกพรรคแสดงความเห็นออกสื่อมากเกินไป เพราะควรรอกรรมการบริหารพรรคแสดงความคิดเห็น
รายงาน โดย ทีมข่าวการเมือง
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3457 ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม - 3 เมษายน 2562
