พปชร. เดินหน้าตั้งรัฐบาล ยัน! "7.9 ล้านเสียง" สูงสุด มีความชอบธรรม

25 มี.ค. 2562 | 10:58 น.

ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ เมื่อเวลา 17.00 น. นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำกรรมการบริหารของพรรค แถลงท่าทีภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคถึงผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการออกมา โดยในการแถลงมีการจัดทำป้ายข้อความว่า "เราจะเดินไปข้างหน้า ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"

 

อุตตม สาวนายน

 

นายอุตตม กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนสูงสุดจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย คือ ได้คะแนน 7.9 ล้านเสียง ถือเป็นคะแนนสูงสุด ทางพรรคก็ขอกราบขอบพระคุณที่ประชาชนกรุณาออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง ขอบคุณที่ให้ความไว้วางใจ ยืนยันจะดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าด้วยความสงบสุข ต่อเนื่องในทุกเรื่อง

นายอุตตม กล่าวอีกว่า แนวทางการดำเนินการจากนี้ในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล มติที่ประชุมมอบหมายให้หัวหน้าและเลขาธิการพรรคดำเนินการในเรื่องนี้ เรายืนยันแนวทางที่เราได้ยืนยันมาตั้งแต่ต้น คือ พรรคใดได้รวบรวมเสียงข้างมากได้ ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้น จากนี้ไปจะดำเนินการหารือพูดคุยกับพรรคการเมืองที่มีผู้สมัครรับการเลือกตั้งที่มีแนวทางสอดรับ มีอุดมการณ์ นโยบาย การบริหารจัดการประเทศในแนวทางเดียวกัน เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลต่อไป ตามกติกาของรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล นายอุตตม กล่าวว่า เป็นหลักการที่พูดมาตั้งแต่ต้น แต่เราก็ไม่ได้ปิดกั้นพรรคที่จะพยายามดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่าจะเริ่มพูดคุยกับพรรคการเมืองแล้วน่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้เมื่อไร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เราจะเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่ยังบอกเวลาตายตัวตอนนี้ไม่ได้ในเรื่องนี้ ส่วนมีกี่พรรค ยังอยู่ในช่วงเวลาของการพูดคุย ยังบอกไม่ได้ว่ากี่พรรคเช่นกัน

เมื่อถามว่า มีความยากลำบากแค่ไหนในการรวบรวมพรรค นายอุตตม กล่าวว่า คิดว่าเราทำได้ ไม่ได้คิดถึงความยากลำบาก และเชื่อมั่นว่าเป็นหลักการของเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ทุกเสียงของประชาชนมีความหมายในการแสดงออกมา เราตั้งต้นจากจุดนั้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรในการจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามย้ำถึงเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล นายอุตตม กล่าวว่า ต้องเป็นพรรคที่ร่วมอุดมการณ์ สอดคคล้องเรื่องนโยบาย เพราะเราต้องทำงานให้ประชาชน ไม่ว่าจะกี่พรรค ก็ต้องหารือกับนโยบายว่าสอดคล้องกัน ให้เป็นประโยชน์สูงสุด

เมื่อถามว่าจะมีชื่อของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ขอเวลาดำเนินการ ยังไม่พาดพิงพรรคใด แต่จะดำเนินการไม่รอช้า เมื่อถามถึงเรื่องการต่อรองเก้าอี้ รมต. นายอุตตม กล่าวว่า ขอให้เข้าสู่กระบวนการก่อน ยังไม่ไปถึงจุดนั้น

 

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

 

ด้าน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศเป็นแกนนำจัดจั้งรัฐบาลเช่นกัน ว่า ต้องดูเจตนารมณ์จากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ดูคะแนนรวมของประชาชนทั้งประเทศและหลักการทุกคะแนนของประชาชนไม่ให้ถูกทิ้งไปในอดีต จำนวน ส.ส. ที่พึงมีทั้งหมดต้องอยู่บนคะแนนรวมของทั้งประเทศ รัฐธรรมนูญวางหลักเกณฑ์ให้ประชาชนที่ให้ความไว้วางใจจะถูกนับ ถ้าเขตนั้นแพ้ แล้วคะแนนห่าง 100-200 คะแนน แล้วไม่นับ เขาก็คงไม่ใช่ ถือว่าเราได้รับ ความไว้วางใจสูงสุด 7.9 ล้านเสียง เป็นความชอบธรรมในการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

"พรรคพลังประชารัฐจะไม่มองข้ามเสียงใดเสียงหนึ่งของประชาชนที่ให้ความไว้วางใจ เพียงแต่ว่า พรรคที่บอกว่า มี ส.ส.เขต มาก ก็ติดลบหรือไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติ และที่สำคัญ การแพ้ชนะกันในเขต บางเขตแพ้หลักร้อย 100-200 แล้วเราจะบอกว่า คนที่แพ้แล้วเราไม่นับเช่นนั้นหรือ นั่นคือ เจตนารมณ์ที่แท้จริงของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ส่วนใครได้รับความไว้ใจสูงสุดในสภาผู้แทนราษฎร นั่นคือ หลักประชาธิปไตยที่แท้จริง ใครรวบรวมเสียงได้มากที่สุด คือ คนที่จะได้เป็นรัฐบาล นั่นคือ บรรทัดสุดท้ายที่ทุกคนจะต้องทำ พรรคพลังประชารัฐกำลังดำเนินการเข้าสู่ตรงนั้น" นายสนธิรัตน์ กล่าว

เลขาธิการ พปชร. กล่าวยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐยืนยันเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา เป็นนายกฯ มาตลอด เพราะเราต้องเคารพเสียงของประชาชนที่เขาให้ความไว้วางใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เคารพเสียงนั้น ส่วนการตัดสินใครจะเป็นนายกฯ อยู่ที่สมาชิกวุฒิสภานั้น ยืนยันว่า เราเคารพ สถาบัน ส.ว. คือ สถาบันที่เราต้องไว้วางใจ จะเป็นสถาบันหนึ่งที่เขาเป็นห่วงบ้านเมืองเช่นกัน เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ว. คงไม่ไปก้าวล่วง ที่เขาจะตัดสินใจเมื่อถึงเวลานั้น

 

พปชร. เดินหน้าตั้งรัฐบาล ยัน! "7.9 ล้านเสียง" สูงสุด มีความชอบธรรม