คมนาคมดันท่องเที่ยวเมืองรองขยับ ทช.เร่งถนนไทยแลนด์ริเวียร่าเฟส2กว่า500กม.
ทช.ดันท่องเที่ยวเมืองรอง เร่งศึกษาถนนเลียบทะเล(ไทยแลนด์ริเวียร่า)เฟส 2 ช่วงชุมพร-สงขลา ระยะทางราว 578 กม.ใช้งบประมาณ 6,000 ล้าน พร้อมตั้งงบผูกพันปี 63-64 กว่าพันล้านเร่งในเฟสแรกอีก 175 กม. ด้าน “อาคม” เผยยุค 'บิ๊กตู่' เพิ่มงบความปลอดภัยถนนชนบท 100% ควักลงทุน 3 ปี รวม 2.3 หมื่นล้านบาท
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับโครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า ที่กรมทางหลวงชนบท(ทช.) รับผิดชอบในการพัฒนาเขตทางเลียบชายทะเล ได้แก่ สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร โดยเฟสแรกได้ดำเนินการพัฒนาถนนเลียบชายฝั่งทะเลตะวันตกตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552-2568 ระยะทางทั้งโครงการ 658 กม. ขนาด 2 ช่องจราจร อยู่ในความรับผิดชอบของทช.จำนวน 514 กม.ตั้งงบประมาณโครงการ 7,000 ล้านบาท ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 305 กม.
ในส่วนปี 2562 เตรียมก่อสร้างอีกจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1.ถนนสามแยก ทล.4198-เทศบาลปากน้ำหลังสวน อ.ทุ่งตะโก,หลังสวน จ.ชุมพร ระยะทาง 23 กม. ใช้งบประมาณ 247 ล้านบาท 2.ถนนสายแยกทล.4001-บ.โพธิ์แบะ อ.เมือง จ.ชุมพร ระยะทาง 24.5 กม. ใช้งบประมาณ 262 ล้านบาท
สำหรับโครงการไทยแลนด์ริเวียร่า เฟสที่2 ช่วงชุมพร-สงขลา ระยะทางราว 578 กม. คาดว่าจะใช้งบประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาทขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวเส้นทาง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนม.ค.นี้
“ส่วนที่เหลืออยู่ของเฟสที่ 1 อีกจำนวน 175 กม.ส่วนใหญ่จะอยู่ใน จ.ชุมพร ประมาณ 10 กว่าโครงการ คาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทไปดำเนินการรูปแบบงบประมาณผูกพัน 3 ปี (2563-2565) คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2565 โดยขณะนี้เส้นทางไหนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จได้ทยอยเปิดให้ประชาชนใช้บริการแล้ว
นายอาคมกล่าวต่อว่าด้านความปลอดภัยบนถนนนั้นที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยทางถนนเพื่อลดอุบัติเหตุทั่วประเทศ ผ่านการเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะถนนทางหลวงชนบทซึ่งถือว่าเป็นถนนสายหลักที่ชาวบ้านใช้เดินทางสัญจรในต่างจังหวัด และการขนส่งสินค้าพืชไร่หรือเกษตรกรรมอื่นๆ
ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางถนนใน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.สภาพถนน 2.รถยนต์ และ 3.ผู้ขับขี่ ตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้งบประมาณเรื่องความปลอดภัยเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยทางถนน อาทิ การซ่อมบำรุงถนน การแก้ไขจุดเสี่ยง การแก้ไขจุดที่มีอุบัติเหตุบ่อย การตรวจสอบความพร้อมของถนนสายใหม่ ตลอดจนเพิ่มความปลอดภัยถนนบริเวณชุมชนและหน้าโรงเรียน ขณะที่เรื่องของรถยนต์นั้นก็มีการเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถโดยกรมการขนส่งทางบก เช่นเดียวกับผู้ขับขี่ที่มีมาตรการความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
“อย่างไรก็ตามเรื่องจุดตัดข้ามทางรถไฟก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ดังนั้นตนจึงได้สั่งการให้กรมทางหลวงชนบทเร่งรัดลงทุนก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟตามแผนที่เหลืออีก 15 แห่งทั่วประเทศ วงเงินรวม 4,500 ล้านบาท เฉลี่ยแห่งละ 300 ล้านบาท โดยทั้งหมดนี้ต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้ภายในปี 2563
ด้านนายผดุงศักดิ์ สรุจิกำจรวัฒนะ ผู้อำนวยการกองแผนงาน กรมทางหลวงชนบท(ทช.) กล่าวว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทช.ได้รับงบประมาณความปลอดภัยเพิ่มขึ้นมากถึง 100% โดยในปี 2561 ที่ผ่านมาได้รับงบประมาณ 4,000 ล้านบาท ขณะที่ช่วงก่อนหน้านี้ได้รับงบเพียง 2,000-3,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2562 ได้รับงบประมาณ 6,000 ล้านบาท ส่วนปี 2563 จะขอจัดสรรงบความปลอดภัยราว 8,000-9,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาสามารถลดอุบัติเหตุและโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนถนนทางหลวงชนบทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับโครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า ที่กรมทางหลวงชนบท(ทช.) รับผิดชอบในการพัฒนาเขตทางเลียบชายทะเล ได้แก่ สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร โดยเฟสแรกได้ดำเนินการพัฒนาถนนเลียบชายฝั่งทะเลตะวันตกตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552-2568 ระยะทางทั้งโครงการ 658 กม. ขนาด 2 ช่องจราจร อยู่ในความรับผิดชอบของทช.จำนวน 514 กม.ตั้งงบประมาณโครงการ 7,000 ล้านบาท ซึ่งได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 305 กม.
ในส่วนปี 2562 เตรียมก่อสร้างอีกจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1.ถนนสามแยก ทล.4198-เทศบาลปากน้ำหลังสวน อ.ทุ่งตะโก,หลังสวน จ.ชุมพร ระยะทาง 23 กม. ใช้งบประมาณ 247 ล้านบาท 2.ถนนสายแยกทล.4001-บ.โพธิ์แบะ อ.เมือง จ.ชุมพร ระยะทาง 24.5 กม. ใช้งบประมาณ 262 ล้านบาท
สำหรับโครงการไทยแลนด์ริเวียร่า เฟสที่2 ช่วงชุมพร-สงขลา ระยะทางราว 578 กม. คาดว่าจะใช้งบประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาทขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวเส้นทาง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนม.ค.นี้
“ส่วนที่เหลืออยู่ของเฟสที่ 1 อีกจำนวน 175 กม.ส่วนใหญ่จะอยู่ใน จ.ชุมพร ประมาณ 10 กว่าโครงการ คาดว่าจะใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทไปดำเนินการรูปแบบงบประมาณผูกพัน 3 ปี (2563-2565) คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2565 โดยขณะนี้เส้นทางไหนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จได้ทยอยเปิดให้ประชาชนใช้บริการแล้ว
นายอาคมกล่าวต่อว่าด้านความปลอดภัยบนถนนนั้นที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยทางถนนเพื่อลดอุบัติเหตุทั่วประเทศ ผ่านการเพิ่มงบประมาณด้านความปลอดภัยอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะถนนทางหลวงชนบทซึ่งถือว่าเป็นถนนสายหลักที่ชาวบ้านใช้เดินทางสัญจรในต่างจังหวัด และการขนส่งสินค้าพืชไร่หรือเกษตรกรรมอื่นๆ
ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางถนนใน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.สภาพถนน 2.รถยนต์ และ 3.ผู้ขับขี่ ตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้งบประมาณเรื่องความปลอดภัยเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยทางถนน อาทิ การซ่อมบำรุงถนน การแก้ไขจุดเสี่ยง การแก้ไขจุดที่มีอุบัติเหตุบ่อย การตรวจสอบความพร้อมของถนนสายใหม่ ตลอดจนเพิ่มความปลอดภัยถนนบริเวณชุมชนและหน้าโรงเรียน ขณะที่เรื่องของรถยนต์นั้นก็มีการเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถโดยกรมการขนส่งทางบก เช่นเดียวกับผู้ขับขี่ที่มีมาตรการความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
“อย่างไรก็ตามเรื่องจุดตัดข้ามทางรถไฟก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ดังนั้นตนจึงได้สั่งการให้กรมทางหลวงชนบทเร่งรัดลงทุนก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟตามแผนที่เหลืออีก 15 แห่งทั่วประเทศ วงเงินรวม 4,500 ล้านบาท เฉลี่ยแห่งละ 300 ล้านบาท โดยทั้งหมดนี้ต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้ภายในปี 2563
ด้านนายผดุงศักดิ์ สรุจิกำจรวัฒนะ ผู้อำนวยการกองแผนงาน กรมทางหลวงชนบท(ทช.) กล่าวว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทช.ได้รับงบประมาณความปลอดภัยเพิ่มขึ้นมากถึง 100% โดยในปี 2561 ที่ผ่านมาได้รับงบประมาณ 4,000 ล้านบาท ขณะที่ช่วงก่อนหน้านี้ได้รับงบเพียง 2,000-3,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2562 ได้รับงบประมาณ 6,000 ล้านบาท ส่วนปี 2563 จะขอจัดสรรงบความปลอดภัยราว 8,000-9,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาสามารถลดอุบัติเหตุและโอกาสการเกิดอุบัติเหตุบนถนนทางหลวงชนบทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
