ผวาจีนสวมสิทธิ์ไทยส่งออก หนีผลกระทบสงครามการค้า-สรท.จับตา 4 กลุ่มเสี่ยง

30 ก.ค. 2561 | 10:11 น.
สรท.ชี้สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน กระทบ 4 อุตสาหกรรม “ยานยนต์ ชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ไทย” กลุ่มอาหาร กาแฟ รอดตัว มันสำปะหลังคาดได้อานิสงส์ 4 สำนักงานทูตพาณิชย์เตือนระวังสินค้าจีนสวมสิทธิ์ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ อาจถูกใช้มาตรการเอดี/ซีวีดี/เซฟการ์ดเล่นงานได้


[caption id="attachment_301924" align="aligncenter" width="393"] วิศิษฐ์  ลิ้มลือชา  รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา
รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)[/caption]

นายวิศิษฐ์  ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากการหารือกับ 7 กลุ่มอุตสาหกรรมสมาชิกของ สรท. ถึงผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ในส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ระบุไม่ได้รับผลกระทบทางตรง แต่จะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการที่จีนเป็นผู้ซื้อชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่เพื่อนำเข้าไปประกอบในจีนแล้วส่งออก ซึ่งอาจทำให้ยอดสั่งซื้อสินค้าเหล่านี้จากไทยลดลง และหากจีนส่งออกรถยนต์ได้น้อยลงเรื่อยๆ อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในระยะยาวได้

อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ จะได้รับผลกระทบในฐานะที่ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปจีนเป็นจำนวนมาก ซึ่งการปรับขึ้นภาษีที่ 25% ของสหรัฐฯจะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมในแง่ต้นทุนสินค้า ทำให้เกิดการเปลี่ยน แปลงเชิงโครงสร้างของการย้ายฐานการผลิต, อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผ่านมาสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าไทยได้รับผลกระทบจากมาตรการเซฟการ์ด (มาตรา 201 ของสหรัฐฯ) อยู่แล้วในกลุ่มสินค้าแผงโซลาร์เซลล์ และเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ ทั้งนี้ไทยจะได้รับผลกระทบมากขึ้นหากสหรัฐฯพุ่งเป้ามายังกลุ่มสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

tp9-3379-a

อย่างไรก็ดีจากที่ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในสินค้าที่มีสัญชาติสหรัฐฯในไทย จึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยหากสหรัฐฯจะพุ่งเป้ามายังประเทศที่เป็นฐานการผลิตสินค้าของตัวเองอย่างไทย ในอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามากนัก เนื่องจากยอดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปยังสหรัฐฯของไทยมีปริมาณไม่มาก ในทางกลับกันไทยอาจจะได้ประโยชน์จากกรณีที่จีนปรับขึ้นภาษีสินค้าข้าวโพดนำเข้าจากสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้ว่าจีนอาจหันมานำเข้ามันสำปะหลังจากไทยเพื่อไปผลิตเอทานอลหรืออาหารสัตว์ทดแทน ขณะอุตสาหกรรมอาหารแช่เยือกแข็ง, อาหารสำเร็จรูป และกาแฟ ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และจีน

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) หรือทูตพาณิชย์ไทย 4 สำนักงานในสหรัฐฯได้แก่ นครนิวยอร์ก ลอสแองเจลิส ไมอามี และชิคาโก ได้วิเคราะห์ผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทย โดยให้ความเห็นพ้องกันว่า ไทยจะได้รับอานิสงส์จากผู้นำเข้าสหรัฐฯอาจหาแหล่งนำเข้าจากไทยเพื่อทดแทนสินค้าจีนมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง ยกตัวอย่างเวลานี้ สคต.นิวยอร์กได้รับการติดต่อขอข้อมูลของผู้ประกอบการไทยจากผู้นำเข้าของสหรัฐฯในสินค้าอัญมณี และกรอบแว่นสายตา เพื่อจะนำเข้าทดแทนสินค้าจีน เป็นต้น

ในทางกลับกัน มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะบังคับใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีกับสินค้าจีนมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการจีนย้ายฐานการผลิตมาไทย หรือส่งสินค้ามาเปลี่ยนผ่านเป็นแหล่งกำเนิดจากไทยเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ จนทำให้สินค้าไทยถูกใช้มาตรการต่างๆ เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี)มาตร การตอบโต้การอุดหนุน (ซีวีดี) และมาตรการตอบโต้การนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) เป็นต้น
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,379 วันที่ 1-4 กรกฎาคม 2561