น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งกับผลโพลล์ของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกฯ คนต่อไป” จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 1,250 คนทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 8-9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนอยากได้ บิ๊กตู่-พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ นำโด่งอันดับแรก 32.24%
[caption id="attachment_282643" align="aligncenter" width="503"]
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา[/caption]
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ “พรรคพลังประชารัฐ” ที่เชื่อกันว่าเป็นพรรคของ คสช. ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับกับการผลักดันให้ “บิ๊กตู่” ได้คัมแบ็กเป็นนายกฯ อีกสมัย ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับ 2 แม้ไม่ใช่อันดับ 1 ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการที่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย ทั้งๆ ที่พรรคพลังประชารัฐ ยังอยู่ในขั้นตอนการตั้งพรรค ซึ่งยังไม่เห็นแม้กระทั่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และผู้บริหารพรรคตัวจริง (เห็นแต่เงาตะคุ่มๆ) ก็ตาม
[caption id="attachment_282644" align="aligncenter" width="503"]
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์[/caption]
ตามด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย 17.44% อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 14.24% ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคอนาคตใหม่ 10.08% และ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย 7.92 % ขณะที่พรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด พบว่า พรรคเพื่อไทย นำมาอันดับแรก 32.16% พรรคพลังประชารัฐ 25.12% พรรคประชาธิปัตย์ 19.20% พรรคอนาคตใหม่ 11.60% พรรคประชาชนปฏิรูป และ พรรคเสรีรวมไทย สัดส่วนเท่ากัน 2.32%
[caption id="attachment_282645" align="aligncenter" width="503"]
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ[/caption]
เมื่อผลโพลล์ออกมาเช่นนี้ คนที่ร้อน ๆ หนาว ๆ ก็คือ บรรดาพรรคการเมืองเก่า อย่าง เพื่อไทย และ ประชาธิปัตย์ ที่ออกมาถล่มความไม่น่าเชื่อถือของผลการสำรวจ โดยอ้างเรื่องความเอนเอียง... แต่อย่าทำเป็นประมาทไป เพราะหากมัวแต่มาสาละวนและเสียเวลาอยู่กับการถล่มพรรคใหม่ โดยไม่เตรียมเนื้อเตรียมตัวรับกับการเลือกตั้ง ด้วยการเตรียมคน (รั้งคนเก่า-หาคนใหม่) คิดนโยบายใหม่ๆ ที่ “โดนใจประชาชน” แต่ไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็ระวังจะถูกแย่งฐานเสียง จนเก้าอี้ส.ส.หดหายไปจำนวนมากเอานะเออ...
[caption id="attachment_282648" align="aligncenter" width="503"]
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ[/caption]
แว่ว ๆ ว่า “พรรค คสช.” ขณะนี้กำลงซุ่มทาบทามคนจากหลายวงการ มีทั้งอดีตส.ส. คนรุ่นใหม่ และบรรดามือทำงานด้านเศรษฐกิจ ให้เข้ามาช่วยงานพรรค ดังที่ “ประพันธุ์ คูณมี” ทนายความชื่อดัง และอดีตผู้สมัครส.ส.กทม. เปิดเผยในบทความคอลัมน์
“ข้าพระบาท ทาสประชาชน” ที่ตีพิมพ์ในนสพ.ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3364 ว่า
“เมื่อ 2-3 วันก่อน ได้มีโอกาสนั่งสนทนากับบุคคลสำคัญที่เป็นอดีตข้าราชการระดับสูง เป็นผู้บริหารในองค์กรทางเศรษฐกิจ และมีบทบาทในการช่วยเหลือ คสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในทางยุทธศาสตร์การปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ
[caption id="attachment_282647" align="aligncenter" width="503"]
ข้าพระบาททาสประชาชน : ทางเลือกทางรอดของ คสช.[/caption]
ซึ่งบุคคลท่านนี้เป็นผู้หนึ่งที่ถูกทาบทามให้มาช่วยพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งขึ้น เพื่อสนับสนุนและปูทางให้กับผู้นำ คสช.ที่หากจำเป็นต้องสืบทอดอำนาจในตำแหน่งนายกฯ อีกต่อไป ภายหลังที่จะมีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ หรือตามโรดแมปของรัฐบาล คสช. พรรคการเมืองดังกล่าว คงเป็นไปตามข่าวที่รู้ ๆ กันโดยทั่วไปในขณะนี้ ที่มีคนในระดับรองนายกฯ และรัฐมนตรีใน ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ ช่วยกันเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ เตรียมการจัดตั้งและระดมบุคคลในทางการเมือง และสาขาอาชีพอื่น ๆ มาร่วมกันดำเนินงาน เพื่อให้ภารกิจและเป้าหมายที่วางไว้ประสบความสำเร็จ บุคคลสำคัญดังกล่าว ได้ขอให้ผมช่วยวิเคราะห์และเสนอความเห็นว่าหากจะมีการตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุนให้นายกฯ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้มีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง มีความเป็นไปได้หรือไม่ และควรดำเนินการอย่างไร..."
พรรคพลังประชารัฐ หากเปิดตัวออกมาวันใด อาจเป็นที่ “ฮือฮา” และเรียกความสนใจจากประชาชนจนหันมาเทคะแนนเสียงให้จำนวนมาก ก็อาจเป็นไปได้ ใครจะไปรู้...
[caption id="attachment_282649" align="aligncenter" width="503"]
ชวน หลีกภัย[/caption]
จบข่าว...เมื่อ “ชวน หลีกภัย” ปิดประตูกลับมานั่งนายกฯ และไม่ต้องการเทียบกับ “มหาธีร์” ผู้นำคนใหม่ของเสือเหลือง-มาเลเซีย ด้วยหลักการที่ว่า "ไม่ว่าจะมีเรื่องมาเลเซียหรือไม่ก็ตาม ผมก็สนับสนุนคุณอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าอยู่แล้ว ข่าวที่ออกมานั้น ต้องขอบคุณความหวังดี แต่ผมไม่ได้มีความคิดเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นเลย ถ้าถามว่า จะมีโอกาสกลับมาหรือไม่ เป็นไปได้ก็ต้องรออีก 12-13 ปี ตอนนั้นก็จะอายุเท่ากับมหาธีร์ ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ครับ"
ถูกต้องแล้ว ที่ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ตีกลับงบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ที่ขอเพิ่มเข้ามาจำนวน 8,135 ล้านบาท เพราะเพียงแค่เจอไมค์โครโฟน อันละ 1.2 แสนบาท นาฬิกาเรือนละ 7 หมื่นบาท และ โทรทัศน์ราคาเครื่องละ 1.7 แสนบาท แค่นี้ก็ไม่สมควรอนุมัติแล้ว “ไมค์-นาฬิกา-โทรทัศน์”อะไร แพงระยับขนาดนั้น...งานนี้ทำเอาใครต่อใครหลายคนอดได้ “เงินทอน” แน่ ๆ
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว ประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ คุณแม่สุพร อนุพงษ์องอาจ ถึงแก่กรรม ตั้งศพประกอบพิธีทางศาสนา ณ วัดจันทร์สโมสร ศาลา 1 ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พิธีสวดมีถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2561 เวลา 19.00 น. และพิธีฌาปนกิจ วันที่ 21 พฤษภาคม 2561 เวลา 15.00 น.
คอลัมน์ : ฐานโซไซตี | โดย... ว.เชิงดอย | หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3367 ระหว่างวันที่ 20-23 พ.ค.2561