ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนลดลง

11 เม.ย. 2561 | 03:12 น.
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนลดลง

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่ 11 เมษายน 2561

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 3 โดยนักลงทุนเชื่อมั่นว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะสามารถคลี่คลายลง และไม่ส่งกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีน กล่าวในงานพิธีเปิดการประชุม Boao Forum for Asia (BFA) ว่าจีนจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และภาษีนำเข้าสินค้าอื่นๆบางประเภท รวมทั้งเปิดกว้างการเข้าถึงตลาดจีน

+ ความตึงเครียดในตะวันออกกลางส่งผลต่อความกังวลอุปทานน้ำมันดิบ โดยประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศที่จะยกระดับการคว่ำบาตรอิหร่าน หลังจากที่อิหร่านสนับสนุนรัฐบาลซีเรียในการโจมตีประชาชนด้วยอาวุธเคมี

+ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนสนใจในการลงทุนในน้ำมันดิบ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในสกุลเงินสหรัฐฯ จะต่ำลงและดึงดูดนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ มากขึ้น

-/+ ภายหลังจากตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 429.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ว่าน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลง 189,000 บาร์เรล จากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์ที่ดีในอินโดนีเซียช่วยสนับสนุนตลาด อย่างไรก็ดี อุปทานในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับสูง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์จากบังคลาเทศ และอุปสงค์ในช่วงฤดูร้อนอย่างไรก็ดี ตลาดยังคงโดนกดดันจากอุปทานที่อยู่ในระดับสูง

oil0411 ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 60-65 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 65-70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐฯ กลับมาจากการปิดซ่อมบำรุง ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มี.ค. 61 ปรับลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล เมื่อ สู่ระดับ 425.3 ล้านบาร์เรล

ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกยังอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือนมี.ค. รายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน โดยการปรับลดหลักๆ มาจากการแองโกลา ลิเบีย และเวเนซุเอลา

ที่มา : บมจ.ไทยออยล์ โปรโมทแทรกอีบุ๊ก