หุ้นลีสซิ่งร้อนแรงปี61MTLS-SGFลั่นกำไรโตก้าวกระโดด คุมเอ็นพีแอล

30 ธ.ค. 2560 | 01:58 น.
ในปีนี้ หุ้นลีสซิ่งโดดเด่น ราคาหุ้นหลายตัว สร้างสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาล ในปีหน้ามีโอกาสไปต่อ จากเป้าหมายการขยายสินเชื่อและกำไรพุ่งกระฉูด ธุรกิจลีสซิ่ง ให้บริการสินเชื่อบุคคลและทะเบียนรถเติบโตก้าวกระโดดไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดี ส่งผลให้ราคาหุ้นหลายตัวสร้างสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาล (All Time High) ในปีนี้ และแนวโน้มกำไรในปี 2561 ยังมีโอกาสขยายตัวสูง จากการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ การขยายสาขา การบริหารต้นทุนทางการเงินใหตํ่าลง และที่สำคัญคือ ความต้องการใช้สินเชื่อที่สูงมาก ท่ามกลางความเข้มงวดในการพิจารณาคำขอสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์

ในปี2560 บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD มีทิศทางที่ดีขึ้นหลายเรื่อง เช่น ราคาหุ้น All Time High ถึง 73 บาทในเดือนพฤศจิกายนและได้ซื้อหุ้นใหญ่ของบริษัทเงินทุน ศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT จำนวน 76.32 ล้านหุ้น สัดส่วน 36.35% ในราคาหุ้นละ 11.42 บาท ขณะที่ราคาในตลาดขึ้นไปสูงสุดเกือบ 40 บาท และมีการจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้น 25 ต่อ 1 เพิ่มจำนวนหุ้นใหม่ 41,818,902 หุ้น มีทุนเรียกชำระแล้ว 1,087,315,394 บาท ด้านผลงาน 9 เดือน กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 545 ล้านบาท เติบโต 39.04% เป็น 1,941 ล้านบาท

ส่วน บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ MTLS ราคาหุ้นก็ All Time High ระดับ 40.50 บาท ในเดือนพฤศจิกายนเช่นเดียวกัน โดยนายชูชาติ 
เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร MTLS มั่นใจว่ากำไรสุทธิในปีนี้น่าจะเติบโตไม่ตํ่ากว่า 70% หลังจากในช่วง 9 เดือน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 79% เป็น 1,757 ล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 40% ในอัตราเดียวกับการขยายสินเชื่อและยังคงขยายสาขาทั่วประเทศ 600 สาขา/ปี ปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งสิ้น 2,100 สาขา ตั้งเป้าสาขารวม 4,300 สาขาในปี 2563

MP13-3326-A “เรายังคงขยายสาขา 60 สาขาอย่างต่อเนื่อง ให้บริการสินเชื่อแบบเดิม และฐานลูกค้าเหมือนเดิม คือ เกษตรกร รับเหมา ทำให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลอยู่ในสัดส่วน 
1.2-1.5% ขณะที่กำไรเติบโตก้าวกระโดด ปีหน้าตั้งเป้าโต 40% ปกติจะทำได้สูงกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันในประเทศเข้ามาถือหุ้นมากขึ้น รวมถึงผู้ถือหุ้นต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 11%” นายชูชาติกล่าว

สำหรับบริษัท เอสจีเอฟ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGF หุ้นเพิ่งกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ภายใต้ผู้ถือหุ้นใหม่และคณะผู้บริหารทีมใหม่ นำโดยนาย วิวัฒน์ วิฑูรย์เธียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SGF อดีตเจ้าของและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวลง จากราคาวันแรกกลับเข้าตลาดขึ้นไปสูง 0.76 บาท ล่าสุดลงมาเหลือ 0.20 บาท ทรุดมากกว่า 73%

นายวิวัฒน์ กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานดีขึ้น จากไตรมาส 2 ขาดทุนสุทธิ 92 ล้านบาท ไตรมาส 3 กำไรสุทธิ 123 ล้านบาท รวม 9 เดือน กำไรทั้งสิ้น 38 ล้านบาท ในปี 2561 คาดว่าจะพลิกมีกำไร จากการปล่อยสินเชื่อที่ 2,500 ล้านบาท มาจาก การให้สินเชื่อรายย่อยเพิ่ม 1,000 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อปีนี้อยู่ที่ 400-500 ล้านบาท

“SGF ทำยากในช่วงแรก เราใช้เวลาในปีแรกในการวางรากฐานที่มั่นคง เพื่อเป้าหมายการเติบโตก้าวกระโดดและอย่างยั่งยืน ผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในปีนี้มาจากการสร้างระบบและสร้างคน ลงทุนด้านเทคโนโลยี วางระบบงาน วางขั้นตอนการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ รู้ตัวตนลูกค้า ไม่มีใครมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการอนุมัติ สามารถดูแลเอ็นพีแอลไม่ให้เพิ่มขึ้น ขณะที่สินเชื่อตั้งเป้าเพิ่มขึ้นประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาทในปีหน้า จากปีนี้ปล่อยสินเชื่อได้ 500 ล้านบาท หลังจากเพิ่มพนักงาน 300 คน จากเดิมมีอยู่ 30 คน และมีสาขาเกือบทั่วประเทศรวม 60 สาขา จากเดิมมีเพียง 2 สาขาในกรุงเทพ ฯ ส่วนในปี 2561 จะขยาย 10-20 สาขา” นายวิวัฒน์ กล่าว

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6-15

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2561 บริษัทจะสามารถขยายธุรกิจได้รวดเร็ว โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อยเติบโตได้ดี จากเดิมมีเพียงสินเชื่อรายใหญ่เท่านั้น จำนวน 700-800 ล้านบาท ในปีหน้าลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 75% และรายใหญ่ ค่อยๆลดลงเหลือ 25% เพื่อกระจายความเสี่ยง และยังมีกำไรที่ดีขึ้น จากความต้องการใช้สินเชื่อสูงมาก SGF เป็นทางเลือกให้ลูกค้าแทนการกู้นอกระบบ ปัจจุบันบริษัทไม่มีหนี้ แต่ในปีหน้า อาจต้องกู้ยืมจากสถาบันการเงินประมาณ 500-600 ล้านบาท ในการขยายสินเชื่อ

ส่วนแนวทางการเติบโตก้าวกระโดดจากการซื้อกิจการลีสซิ่ง นายวิวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทยังคงพิจารณาอยู่ ปัจจุบันมีบริษัทต้องการขายจำนวนมาก แต่จะต้องพิจารณาว่า ซื้อมาแล้วจะสนับสนุนธุรกิจของ SGF มากแค่ไหน และที่สำคัญคือราคาจะต้องเหมาะสมด้วย

ขณะที่ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL หัวทิ่ม ในปีนี้ ราคากระโดดขึ้นไป สูงสุด 65.50 บาท ก่อนดิ่งลงไปตํ่าสุด 6.55 บาท มีข่าวร้ายเข้ามาหลายระลอก กดดันผลงานพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 1,940 ล้านบาท ในงวด 9 เดือน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,326 วันที่ 28 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-10