ในห้วงระยะเวลาที่คณะสงฆ์ไทยเข้ามาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองโดยมีวัดพระธรรมกายและทักษิณชินวัตรเป็นตัวละครสำคัญนั้นเป็นยุคตกต่ำของพระพุทธศาสนา!
ธรรมกาย ขยายอิทธิพลด้วยการบิดเบือนหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาเอา เรื่องบุญ(ทาน)มาสอนว่าทำแล้วจะรวย ซึ่งความจริงครึ่งเดียวส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าสอนคือต้องทำด้วยจิตใจที่เสียสละเป็นจาคะ ไม่ใช่ด้วยจิตใจที่เป็นกิเลสหวังความร่ำรวย!
เพราะบุญความหมายคือการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์พระพุทธศาสนาสอนให้ชำระล้างกิเลสให้หมดจากจิตใจ แต่คำสอนธรรมกายนั้นกลับเป็นการเพิ่มพูนกิเลส
เงินทองที่ผู้คนทำบุญมาถูกส่งไปยังวัดต่างๆทั่วประเทศในรูปแบบต่างๆกันทำให้วัดทั้งหลายต้องเสมือนหนึ่งขึ้นต่อวัดพระธรรมกายไม่ต้องนับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่ธรรมกายดูแลอย่างดี!!!!
ก่อนหน้านี้วัดและพระสงฆ์ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใส่ใจในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สอนให้สรรพสัตว์ทั้งหลายยก้าวให้พ้นจากบ่วงทุกข์ แห่งวัฏสงสารไปสู่พระนิพพาน!
แต่กลับสอนให้เพิ่มพูนกิเลสสร้างวัตถุมงคล หาวิธีการมาจูงใจคนให้ทำบุญด้วยหวังผลอย่างหนึ่งอย่างใดบางวัดซ้ำร้ายไปกว่านั้นสร้างเทพเจ้าขนาดใหญ่ขึ้นในวัดเพื่อหวังให้คนมาสักการะวัดก็จะได้ผลประโยชน์ติดตามมา
มหาเถระสมาคมและวัดพระธรรมกายคุมสำนักพุทธฯซึ่งมีทั้งหน้าที่ส่งเสริมและดูแลงานของพระพุทธศาสนาทั้งวัดและคณะสงฆ์มาตั้งแต่ก่อตั้ง 2545 จึงทำให้ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเพราะต้องคอยตอบสนองมหาเถระสมาคมและวัดพระธรรมกายพร้อมทั้งผู้บริหารก็แสวงหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง จนร่ำรวยไปต่ำตามกัน
จนมี ผอ.สำนักพุทธฯที่ชื่อ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ที่เข้ามาเดินหน้าทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ถูกต่อต้านอย่างหนักจนพลเอกประยุทธ์นายกรัฐมนตรีต้องโอนออนผ่อนตามส่งย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร!!!!
แต่ในที่สุด"ฟ้าก็มีตา"พลเอกประยุทธ์ตัดสินใจย้ายพ.ต.ท.พงษ์พรกลับมาอีกครั้ง!!!
ปรากฏการณ์แปลกๆที่ไม่เคยมีมาก่อนจึงเกิดขึ้น!!!!
พระพรหมดิลก เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร
พระพรหมดิลก เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้ออกคำสั่งที่ จค.141 / 2560 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 ถึงเจ้าคณะเขตทุกเขตในพื้นที่กรุงเทพฯห้ามติดแผ่นป้ายโฆษณาพระพุทธรูปพระเครื่องวัตถุมงคลพูดอย่างง่ายก็ห้ามทำวัตถุมงคลเพื่อขายกลายๆนั่นเอง เค้าทำไปทำไมเด็กโฆษณาก็ขายไม่ได้
สมเด็จสนิท พระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ)
ต่อมา สมเด็จสนิท พระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เป็นสมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก และกรรมการมหาเถรสมาคม ได้ออกคำสั่งที่ 1/2560 ลว. 28 ก.ย.60 เรื่อง ให้พระสงฆาธิการตรวจสอบพฤติกรรมและลงโทษพระภิกษุสามเณรในปกครองท่ีประพฤติมิชอบไม่ควรและผิดพระธรรมวินัย
ถือเป็นคำสั่งที่ดีแต่น่าแปลกใจคือก่อนหน้านี้ไม่เคยมีคำสั่งอย่างนี้มาก่อน และจะด้วยเหตุผลนี้หรือไม่ก็ตามที่ทำให้เจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตรผู้โด่งดังต้องเก็บของขลังหลบลี้ไป
นับแต่นี้ไปจับตาว่าหลังการกลับมาอีกครั้งของพ.ต.ท.พงศ์พร การเดินหน้าปฏิรูปคณะสงฆ์ จะเป็นอย่างไร ? จะถึงขั้นยกเลิกมหาเถระสมาคมแล้วกลับไปใช้แนว พรบ.สงฆ์ 2484 หรือไม่ต้องติดตาม????
คอลัมน์ : ทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหน/ หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับ 3302 ระหว่างวันที่ 5-7 ต.ค.2560