1 ก.ค. ศาลรธน.ชี้ชะตา “นายกฯแพทองธาร” จุดเปลี่ยนการเมืองไทย?

29 มิ.ย. 2568 | 00:00 น.

1 ก.ค. ศาลรธน.ชี้ชะตา “นายกฯแพทองธาร” จุดเปลี่ยนการเมืองไทย? : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย... ว.เชิงดอย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4,108

*** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ “ลึก ตรงประเด็น เห็นโอกาส” ฉบับ 4,108 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย

*** สถานการณ์ของประเทศไทยยามนี้ ต้องจับตาไปที่เรื่อง “การเมือง” ซึ่งเป็นการเมืองจากประเทศเพื่อนบ้านเราคือ “กัมพูชา” กรณีปัญหากระทบกระทั่งชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้อุณหภูมิการเมืองไทย “ร้อนระอุ” จากคลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร-ฮุนเซน” ที่หลุดว่อนสื่อสังคมออนไลน์ จนกลายเป็นชนวนให้ “พรรคภูมิใจไทย” หยิบยกมาเป็นข้ออ้างฉวยโอกาสถอนจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่อาจเป็นประเด็นชี้ทิศทางอนาคตของรัฐบาล “แพทองธาร 1” คือ การประชุมศาลรัฐธรรมนูญ ในวันอังคารที่ 1 ก.ค.2568 ที่กำลังจะมาถึงนี้

หลังจากที่ มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ยื่นคำร้องในนามสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีบทสนทนากับ “ฮุนเซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา เข้าข่ายให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

เหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดประชุมในวันที่ 1 ก.ค. 2568 เพราะในช่วงระหว่างวันที่ 23–26 มิ.ย. 2568 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งงดการประชุมปรึกษาคดีทั้งหมดเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เนื่องจากประเทศไทยในฐานะประธานสมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (AACC) ระหว่างปี 2566–2568 ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมการสมาชิก (Board of Members Meeting – BoMM) โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้นที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพมหานคร โดยมีประเทศสมาชิก AACC เช่น สาธารณรัฐเกาหลี ตุรกี และ อุซเบกิสถาน เข้าร่วมแบบพบหน้า (On-site) ขณะที่สมาชิกประเทศอื่นร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ โดยเป็นกิจกรรมตามข้อบังคับ AACC ข้อที่ 15 ซึ่งกำหนดให้ประเทศประธานต้องจัดประชุมอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง ...ศาลรัฐธรรมนูญจะกลับมาประชุมพิจารณาคดีอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ค. 2568 

*** ว่ากันว่า ในวันอังคารที่ 1 ก.ค. 2568 จะเป็นวันสำคัญชี้ชะตา “นายกฯแพทองธาร” เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาว่าจะรับคำร้อง “ถอดถอนนายกฯ” ไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่ ... ก่อนหน้านั้น “36 สมาชิกวุฒิสภา” ที่ยื่นคำร้องอ้างอิง มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ โดยให้เหตุผลว่า คลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายกฯ ไทย กับ ผู้นำกัมพูชา มีเนื้อหาเกี่ยวพันกับการสั่งการระดับกองทัพ หรือ การใช้ตำแหน่งแทรกแซงกลไกความมั่นคง ซึ่งอาจเข้าข่าย “ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง” หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ยังอาจมี “คำสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่” ตามคำขอของผู้ร้อง จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยขั้นสุดท้ายในคดีนี้

                                    1 ก.ค. ศาลรธน.ชี้ชะตา “นายกฯแพทองธาร” จุดเปลี่ยนการเมืองไทย?

*** การดำเนินคดีในลักษณะนี้คล้ายกับกรณีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนนรี ในอดีต ซึ่งต่างเคยเผชิญคำสั่ง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาแล้วทั้งสิ้น แม้จะยังไม่มีมติ “ศาลรัฐธรรมนูญ” รับคำร้องในขณะนี้ แต่กระบวนการที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลให้เสถียรภาพของรัฐบาลนำโดย “พรรคเพื่อไทย” สั่นคลอนอย่างมีนัยสำคัญ

โดยเฉพาะหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวพ้นพรรคร่วมรัฐบาล ...หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ “นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่” พรรคเพื่อไทยจะต้องเสนอรายชื่อรองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งขึ้นรักษาการแทน ในที่นี้จะเป็น “ภูมิธรรม เวชยชัย” ซึ่งเป็นรองนายกฯ ลำดับที่ 1 ขึ้นมารักษาการนายกฯ ซึ่งนอกจากจะเผชิญกับแรงเสียดทานภายในแล้ว ยังต้องเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้านและภาคประชาชนที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวกดดันให้ยุบสภา แต่หากศาล “ไม่รับคำร้อง” อาจคลี่คลายสถานการณ์บางส่วน แต่ความน่าเชื่อถือทางการเมืองของ “นายกฯแพทองธาร” ก็อาจจะยังถูกตั้งคำถามในระดับสาธารณะต่อไป

*** บทสรุปของคดีนี้จะยังไม่จบในวันที่ 1 ก.ค. 2568 แต่หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติ “รับคำร้อง” นั่นหมายถึงการเปิดประตูสู่กระบวนการตรวจสอบทางตุลาการอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจเปลี่ยนการเมืองไทยได้ในทุกมิติ และที่สำคัญจะเป็นอีกครั้ง ที่การเมืองไทยกำลังกลับไปตั้งหลักอยู่ใน “สนามตุลาการ” มากกว่า “สนามเลือกตั้ง”