*** ระอุเลยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณพื้นที่ช่องบก อ.นํ้ายืน จ.อุบลราชธานี รัฐบาลนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ออกแถลงการณ์ วันที่ 4 มิ.ย. รัฐบาลขอยืนยัน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (การปะทะทางทหาร) รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุด ในการปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่ โดยยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม
*** สถานการณ์จากการปะทะ ทำให้กองกำลังไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว และปกป้องพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นการดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลังเกิดเหตุ รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับ รวมถึงนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้มีการพูดคุยกันด้วยความห่วงใยในสถานการณ์ ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า จะร่วมมือกันทำให้สถานการณ์กลับสู่ปกติและไม่ลุกลามบานปลาย
*** ส่วนประเด็นท่าทีของฝ่ายกัมพูชา ที่อาจประสงค์จะใช้กลไกทางศาล(ศาลโลก) หรือ ฝ่ายที่สามมาพิจารณาเรื่องนี้นั้น ไทยในฐานะเพื่อนบ้านของกัมพูชา มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขประเด็นปัญหาระหว่างกันโดยสันติวิธี บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญาและความตกลงต่าง ๆ เช่น MOU 2543 และข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ รวมถึงภาพถ่ายดาวเทียม และไทยพร้อมที่จะเจรจากับฝ่ายกัมพูชาผ่านกลไกระดับทวิภาคีที่มีอยู่ระหว่างกัน
*** ต้องเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า “สงคราม” ไม่เกิดผลดีกับทุกฝ่ายและมีแต่ความสูญเสีย ต้องไม่ลืมว่าชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ กระทั่งชายแดนไทย-เมียนมา มีเส้นยาวหลายกิโลเมตร เชื่อมโยง 2 ฝ่าย ประชาชนบริเวณชายแดนได้รับผลกระทบก่อนใครเพื่อน อย่างน้อยการทำมาหากิน เมื่อเกิดการสู้รบ การอพยพ การทำมาหากิน การทิ้งถิ่นฐานต้องตามมา ปัญหาต่อเนื่องอีกเยอะแยะมากมาย
ฉะนั้น ต้องไม่พยายามลากสถานการณ์ให้เข้าสู่สงคราม หรือ โยงสถานการณ์ให้เกิดสงคราม เพื่อเป้าประสงค์ใดประสงค์หนึ่ง รักชาติอะได้ พลังรักชาติ ปรองดอง สร้างได้ ปลุกได้ แต่ต้องเพื่อประโยชน์ร่วมของคนในชาติ แต่ต้องไม่ปลุกกระแสชาตินิยมให้สุดโต่งจนเกินไป กระนั้นท่าทีก็ต้องไม่เบาจนเลยเถิด กระทั่งเสียอธิปไตย เสียดินแดน
***ห้วงนี้มีความพยายามจากหลายฝ่าย ปลุกกระแสชาตินิยมทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างหนักหน่วง ให้ทำสงครามกับกัมพูชา มีข้อมูลสารพัด จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ไปสู่ยุคเก่า ก่อนเกิดรัฐไทยยุคสมัยใหม่ เพื่อแสดงให้เห็นไทยถูกกระทำ ไทยถูกแย่งชิง ปั่นกระแส ลากสถานการณ์เข้าสู่สงคราม สร้างความเสื่อมศรัทธาให้รัฐบาลที่ผู้นำ 2 ฝ่าย มีความสนิทสนมกลมเกลียว ว่า ไม่ดำเนินการใดใด ท่าทีเบาหวิวกับสถานการณ์ จำต้องเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่
*** แน่นอนการจุดชนวนสงครามไม่ยาก แต่หากเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะไม่จำกัดเฉพาะ 2 ประเทศแน่นอน หากเกิดขึ้นจะมีต่างชาติกระทั่งมหาอำนาจเข้ามาร่วมวงทำให้สถานการณ์บานปลายยืดยาวแน่นอน แม้สรรพกำลังอาวุธ ขีดความสามารถทางทหารของไทยในการสู้รบ เชื่อว่ามีมากกว่ากัมพูชาแน่นอน แต่จะเกิดประโยชน์อะไร หากนำไปสู่ความสูญเสีย การใช้กลไกเจรจาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สูญเสียน้อยที่สุด
*** สงครามไม่ใช่ทางออกของสถานการณ์ความขัดแย้ง ต้องเข้าใจว่าอย่างไรเสีย ไม่มีใครย้ายประเทศหนีกันไปได้ เส้นเขตแดนยังติดกันอยู่อย่างนั้น คนไทย-กัมพูชาบริเวณนั้นก็เป็นพี่น้องกันอยู่อย่างนั้น ข้ามไปข้ามมากันอยู่อย่างนั้น การพูดคุย 2 ฝ่าย (ไทย-กัมพูชาเท่านั้น) ด้วยเหตุผล มีข้อพิสูจน์ เส้นเขตแดนตามหลักวิทยาศาสตร์ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ถ้าพูดคุยกันเองไม่รู้เรื่อง ตกลงไม่ได้ ก็ไปต่อที่กลไกอาเซียน เข้ามาเป็นคนกลางดีที่สุด อย่าพยายามให้ออกนอกวงไปเวทีอื่นหรือชักจูงใครเข้ามา
*** ปิดท้าย... วันเสาร์ที่ 7 มิ.ย.นี้ ห้ามพลาด! งานสัมมนาใหญ่ “Thailand Investment Forum 2025: Great Depression พลิกเกมฝ่าวิกฤติ” ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือของเครือเนชั่น และพันธมิตร ณ ห้องพญาไท แกรนด์ บอลรูม โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กทม. โดยงานจะรวบรวมกูรูการเงินชั้นนำ นักวิเคราะห์ ผู้บริหารตลาดทุน รวมถึงรัฐมนตรีเศรษฐกิจคนสำคัญ เพื่อร่วมวิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน และโอกาสในการลงทุนยุคใหม่
พิธีเปิดในช่วงเช้าเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดย นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วม ก่อนเข้าสู่ Keynote Speech จาก พิชัย ชุณหวชิร รองนายกณฯ และรมว.คลัง ที่จะเผยทิศทางนโยบายการคลังเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ พร้อมมาตรการกระตุ้นความเชื่อมั่นในตลาดทุน ต่อด้วย Special Session จาก ศ.กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กับหัวข้อ “พลิกวิกฤติสู่โอกาส” และ 2 เวทีใหญ่ด้านการลงทุน ได้แก่ “Future Investment Trends” และ “Growth Stocks In-Depth” ซึ่งจะวิเคราะห์การลงทุนในหุ้นเติบโตอย่างลึกซึ้ง โดยมีผู้บริหารจาก MTS Gold, Bitkub, จิตตะ เวลธ์, กองทุนกรุงไทย, วรรณ และ กสิกรไทย ร่วมพูดคุย ช่วงบ่ายคึกคักด้วยเซียน-อสังหา-ทอง-หุ้น ไม่ว่าจะเป็น “เสี่ยป๋อง” วัชระ แก้วสว่าง และ บอย ท่าพระจันทร์
ก่อนเข้าสู่หัวข้ออสังหาริมทรัพย์ “Make Money in Real Estate” โดยผู้บริหารจาก WHA, บสก., และ V Beyond จุดเด่นช่วงบ่ายยังรวมถึงเวที “mai Forum” ที่เจาะลึกบทบาทของบริษัทขนาดกลางในตลาดทุน พร้อมการเสวนาเชิงกลยุทธ์ “Battle โลกเก่า VS โลกใหม่” ที่เปรียบเทียบแนวโน้มการลงทุนดั้งเดิมกับสินทรัพย์ยุคใหม่โดยตรง และปิดท้ายด้วย Panel สรุปเทรนด์หุ้นเด่นในตลาดไทย ...งาน “Thailand Investment Forum 2025” ครั้งนี้ ถือเป็นการรวมพลังของภาครัฐ นักวิเคราะห์ และนักลงทุนระดับประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตลาดทุนไทย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และพลิกวิกฤตครั้งใหญ่ให้เป็นโอกาสใหม่ของคนลงทุน
หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,103 วันที่ 8 - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568