“รัฐบาลเศรษฐา”กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

17 ก.ย. 2566 | 10:42 น.

“รัฐบาลเศรษฐา”กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน : หากแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็ถือเป็นบุญของประชาชน และ ประเทศชาติ คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...ว.เชิงดอย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,923

 *** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,923 ระหว่างวันที่ 17-20 ก.ย. 2566 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย

*** ประเดิมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก 13 ก.ย. 2566 รัฐบาลภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ก็ลุยบริหารประเทศทันที เพราะประเทศ “ร้างรา” การขับเคลื่อนงานเพื่อดูแลความเป็นอยู่ ทุกข์ สุข ของประชาชน มานานร่วม 6-7 เดือน นับแต่ “รัฐบาลลุงตู่” ครบวาระ และประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่   

*** เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา จึงได้เห็น ครม.อนุมัติเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน  ข้าราชการ และเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เริ่มจาก 1. ลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร (Ft) งวดสุดท้ายของปี (ก.ย.-ธ.ค.66) ให้ปรับลดค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนจาก 4.45 บาท/หน่วย เหลือแค่ 4.104 บาท/หน่วย โดยมีผลในรอบบิลเดือน ก.ย. เป็นต้นไป ใช้เงิน 1.5 หมื่นล้านบาท 2.มีมติให้ควบคุมราคาดีเซลไว้ไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร จากปัจจุบันราคาดีเซลบี 7 และ บี10 อยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร ผ่านการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 2.50 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. – สิ้นปี 2566 3. พักหนี้เกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็ก ระยะเวลา 3 ปี

*** 4. เปลี่ยนการจ่ายเงินเดือนข้าราชการจากเดือนละ 1 ครั้ง เป็นเดือนละ 2 ครั้ง มีผล 1 ม.ค. 2567 เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อย5. ฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศ จีน และ คาซัคสถาน ซึ่งหมายถึงการยกเลิกการขอเดินทางเข้าประเทศไทย โดย คาซัคสถาน เป็นชาติที่อยู่ในยุโรป มีภาวะฤดูหนาวที่รุนแรง มาตรการนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 25 ก.ย. 2566 ถึงวันที่ 29 ก.พ. 2567 6. ตั้งคณะกรรมการยุติศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เพื่อดึงศักยภาพของประเทศออกมาเสริมสร้างรายได้ และเพิ่มโอกาสให้กับประชาชนคนไทย

*** 7. จัดตั้งคณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีเฉลิมพระเกียรติครบรอบ 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2567 เพื่อให้สมพระเกียรติ และขอให้ประชาชนมีส่วนร่วม 8. เห็นชอบให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 เป็นผู้รับผิดชอบแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมออกแบบกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตยร่วมกัน

                                “รัฐบาลเศรษฐา”กับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

*** สำหรับเรื่องการ “พักหนี้” นั้น รัฐบาลเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อพิจารณาพักหนี้เกษตรกร และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยนายกฯ ได้ให้กรอบเวลาสรุปการดำเนินให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนนำเสนอ ครม.พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้เร็วที่สุด เบื้องต้นจะเป็นการพักหนี้ ทั้งเงินต้น และ ดอกเบี้ย 3 ปี โดยรัฐบาลรับผิดชอบภาระที่เกิดขึ้น นอกจากนั้นจะมีนโยบายอื่น ๆ ดำเนินการควบคู่กับการพักหนี้ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ 

*** ส่วนเรื่องภาษี VAT นั้น ครม.เห็นชอบต่ออายุการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) 7% ออกไปอีก 1 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. 66 - 30 ก.ย.2567 จากอัตราปกติ 10% สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีที่เกิดขึ้น ...ขณะเดียวกัน ครม. ยังได้ให้ความเห็นชอบเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด 0-6 ปี เดือนละ 600 บาท ซึ่งจะเข้าสู่บัญชีของประชาชนแต่ละครอบครัว รวมกว่า 2,254,000 ราย ได้ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ โดยใช้งบประมาณ 990 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ

*** อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย เพราะประชาชนคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปรอคอยอยู่ นั่นคือ การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เรื่องนี้ เศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ได้มอบหมายให้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เป็นเจ้าภาพในการกำหนดเงื่อนไข แนวทาง รายละเอียด และให้นำกลับมาเสนอ ครม.โดยเร็วที่สุด เพราะเรื่องนี้ประชาชนรอคอยความชัดเจน และการอภิปรายนโยบาย 2 วันของรัฐสภา มีคำแนะนำ คำติติง ซึ่งรัฐบาลน้อมรับ และนายกฯ ให้มาทบทวนแนวทางเดิมที่เคยคิดไว้ เพราะควรศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ ตอบสนองคำท้วงติง

*** ดูการประเดิมทำงานของ “รัฐบาลเศรษฐา” แล้ว คึกคัก มีความตั้งใจ มีความหวัง ก็ขอเอาใจช่วยให้รัฐบาลประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ หากแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็ถือเป็นบุญของประชาชน และประเทศชาติ