KEY
POINTS
สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทย ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังที่รอการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ข้อมูลล่าสุดระบุว่า หนี้ครัวเรือนไทย พุ่งเกิน 90% ต่อจีดีพี ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนถึงความเปราะบางทางการเงินของประชาชน และเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะช่วงโควิด-19 แต่เป็นปัญหาสะสมยาวนาน จากรายได้ที่ไม่สอดคล้องกับรายจ่าย ค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่รายได้แทบไม่เพิ่ม ทำให้ประชาชนต้องพึ่งพาเงินกู้ ทั้งในระบบและนอกระบบ ส่งผลให้เกิดภาระหนี้สินที่ยากจะปลดเปลื้อง
รัฐบาลอนุทินมีความท้าทาย แม้จะมีอายุการบริหารบ้านเมืองเพียง 4 เดือน ต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้อง หนี้ครัวเรือนโดยเร่งด่วน เป็นอันกับแรก มองว่า ไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป จำเป็นต้องมีนโยบายเร่งด่วนและต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ทั้งในมิติการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และ ควบคุมการปล่อยสินเชื่ออย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เช่น แรงงานนอกระบบ เกษตรกร และ ผู้มีรายได้น้อย
การปรับโครงสร้างหนี้ การพักหนี้แบบมีเงื่อนไข รวมถึงการส่งเสริมการรู้เท่าทันทางการเงิน ต้องเดินหน้าควบคู่กัน เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกอยู่ในวงจรหนี้ซํ้าซาก
ยิ่งไปกว่านั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจควรมีเป้าหมายที่ “คนตัวเล็ก” มากกว่าการทุ่มเม็ดเงินลงไปในระบบ โดยไม่วางกลไกการกระจายที่ชัดเจน เพราะหากกำลังซื้อภาคครัวเรือนไม่ฟื้น เศรษฐกิจโดยรวมย่อมโตได้ไม่เต็มศักยภาพ
รัฐบาลจึงต้องตระหนักว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือน ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลขทางบัญชี แต่คือ วิกฤตความเป็นอยู่ของคนทั้งประเทศ หากไม่เร่งแก้วันนี้ อนาคตเศรษฐกิจไทยอาจติดกับดักไม่รู้จบ
อย่างไรก็ตาม การที่ประชากรมีเพดานหนี้สูง (Debt Ceiling) หรือ มีภาระหนี้สะสมในระดับสูง มีผลกระทบต่อการบริโภค และ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ อย่างมีนัยสำคัญ
ผลต่อการบริโภค 1.ทำให้กำลังซื้อหดตัว เมื่อประชาชนมีภาระหนี้มาก รายได้ส่วนใหญ่จะถูกใช้ไปกับการผ่อนชำระหนี้ เช่น ค่าบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือ หนี้นอกระบบ ทำให้เหลือเงินน้อยลงสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
2.พฤติกรรมระมัดระวัง ครัวเรือนที่มีหนี้สูงมักระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น หลีกเลี่ยงการซื้อของฟุ่มเฟือย หรือ ยืดเวลาการจับจ่ายเพื่อบริโภคสินค้าคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ ฯลฯ ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว
3.ลดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เมื่อผู้บริโภคจับจ่ายน้อยลง ย่อมกระทบต่อยอดขายของธุรกิจ สร้างลูกโซ่ที่กระทบถึงแรงงาน การจ้างงาน และการลงทุนโดยรวมของประเทศ
ขณะผลต่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ 1.ความสามารถในการกู้ลดลง ธนาคารและสถาบันการเงินมักใช้ “อัตราส่วนหนี้ต่อรายได้” (DSR) ในการพิจารณาปล่อยกู้ หากประชาชนมีหนี้มากเกินไป ก็จะกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดไม่ได้ แม้จะมีความต้องการ
2.ตลาดอสังหาฯ ชะลอตัว ผู้ซื้อหลักในตลาดอสังหาริมทรัพย์คือกลุ่ม First Jobber และชนชั้นกลาง ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาระหนี้โดยตรง ทำให้ยอดขายบ้านและคอนโดลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มราคากลางถึงล่าง
3.ผู้ประกอบการปรับตัว ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ต้องปรับกลยุทธ์ เช่น ลดขนาดยูนิต หรือจัดโปรโมชั่นหนัก เพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนและกำลังซื้อที่ไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ทั้งนี้เพดานหนี้ของประชากรที่สูง ส่งผลโดยตรงต่ออุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจ ทั้งด้านการบริโภคและการซื้ออสังหาฯ เป็นปัจจัยฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว หากไม่แก้ไขอย่างจริงจัง จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจติดกับดัก “เติบโตตํ่า หนี้สูง” ซึ่งส่งผลทั้งต่อเสถียรภาพทางการเงินและคุณภาพชีวิตของประชาชนในวงกว้าง ที่เป็นกับดักใหญ่อันดับต้นๆ ที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข!!!
บทบรรณาธิการ หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,141 วันที่ 19 -22 ตุลาคม พ.ศ. 2568