KEY
POINTS
*** คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ “ลึก ตรงประเด็น เห็นโอกาส” ฉบับ 4,145 ระหว่างวันที่ 2-5 พ.ย. 2568 “ว.เชิงดอย” ประจำการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีสาระ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย
*** สัญญาณ “เศรษฐกิจไทย” ไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 ออกอาการ “อ่อนแรง” เมื่อ “สภาพัฒน์” ประเมินจีดีพีไตรมาส 4 โตเพียง 0.3% เทียบกับไตรมาสแรกที่ขยายตัว 3.2% และไตรมาสสองที่ 2.8% หากปล่อยให้ชะลอต่อเนื่อง คงกลายเป็น “ไตรมาสดิ่งเหว” อย่างที่ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุไว้บนเวที “Thairath Forum 2025”
ดังนั้น “รัฐบาลเฉพาะกาล” จึงต้องเร่งเปิดโรดแมป Quick Big Win ชุดใหญ่ เพื่อพยุงเศรษฐกิจระยะสั้นให้เห็นผลจริงระยะยาว และกระจายแรงส่งไปทั่วประเทศ ตั้งเป้า “จีดีพีไตรมาสสุดท้ายต้องโตเกิน 1%” ให้ได้
เริ่มจาก “กระตุ้นกำลังซื้อ” เติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13,000 ล้านบาท ดูแลประชาชนกว่า 13.4 ล้านราย ตามด้วยโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่เปิดใช้ 29 ตุลาคม 2568 คาดเม็ดเงินสะพัดในระบบกว่า 88,000 ล้านบาท จากนั้นรัฐบาลจะยกระดับพ่อค้าแม่ค้าเข้าสู่ตลาดออนไลน์ เชื่อมโยงกับระบบบัญชีที่ถูกต้อง ดึง ธนาคารออมสิน และ ธนาคารกรุงไทย เข้ามาช่วยหนุนแหล่งทุน
ขณะเดียวกัน “คลัง-แบงก์ชาติ” จับมือกันแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านกลไก บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) รับซื้อหนี้จากธนาคารมาปรับโครงสร้างใหม่ ใช้ทุนเริ่มต้นจากกองทุนฟื้นฟูฯ 20,000 ล้านบาท พร้อมพัฒนา ระบบ ARI Scoring ประเมินวินัยลูกหนี้จากพฤติกรรมการชำระค่าน้ำ-ค่าไฟ เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีความรับผิดชอบได้สิทธิเข้าระบบช่วยเหลือ และกลับมามีโอกาสทางการเงินอีกครั้ง
อีกฟากหนึ่งของนโยบาย คือการ “สร้างอนาคตใหม่ให้แรงงานไทย” ผ่านโครงการ Reskill–Upskill ใช้งบจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถ 10,000 ล้านบาท จับมือ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ผลิตแรงงานทักษะใหม่กว่า 100,000 คน รองรับอุตสาหกรรมยุคดิจิทัล
ในเวทีการลงทุน รัฐบาลเตรียมปลดล็อกอุปสรรคด้านกฎระเบียบ ดึงต่างชาติลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-พลังงานทดแทน โดยเฉพาะ “โซลาร์ลอยน้ำ” ที่จะเสนอเข้าสู่การพิจารณา ครม. เร็ว ๆ นี้ พร้อมขับเคลื่อน Soft Loan ดอกเบี้ยต่ำ ให้เอสเอ็มอีเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ผ่านการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และ ภาคธนาคาร
ส่วนมาตรการท่องเที่ยว-ภาษี ยังมีหมัดเด็ดให้สิทธิ ลดหย่อนภาษีเที่ยวเมืองหลัก 1 เท่า เมืองรอง 1.5 เท่า ไม่เกิน 20,000 บาท และ หากร้านค้าใช้ระบบ e-Taxinvoice จะได้ลดหย่อนเพิ่มถึง 30,000 บาท เพื่อดึงร้านค้าเข้าสู่ระบบดิจิทัล
อีกมาตรการที่น่าจับตา คือ “ส่งเสริมการออมรายย่อย” เปิดให้ประชาชนซื้อพันธบัตรรัฐบาลได้ทุกเดือน ดอกเบี้ยเทียบเท่าธนาคารหรือสูงกว่า เพื่อสร้างหลักประกันให้ผู้สูงวัย พร้อมแนวคิดใหม่ “หวยออมอนาคต” นำเงินซื้อสลากดิจิทัลของผู้ไม่ถูกรางวัล มาสะสมเป็นเงินออม นำมาจัดสรรคืนเมื่ออายุ 55 ปี และสามารถใช้ค้ำประกันสินเชื่อรายย่อยได้อีกทาง
ด้านการลงทุนในตลาดทุน “เอกนิติ” เผยแนวคิดปฏิรูปภาษีการออมและการลงทุน โดยได้หารือกับผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ จากเดิมมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนผ่านกองทุน LTF, RMF, กองทุน ESG หลายคนซื้อเพราะนำมาลดหย่อนภาษี แต่ขณะนี้มีผลขาดทุนหลายคน โดยกองทุน LTF เพียง 1 กองทุน เสียภาษีปีละ 20,000 ล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 80 เป็นเงิน 16,000 ล้านบาท อยู่ในคนระดับกลาง คนรวย ที่เสียภาษีร้อยละ 30-35
รัฐบาลจึงต้องการปฏิรูปภาษีใหม่ สร้างฐานให้มั่นคง เช่น ตั้งกองทุน (ISA) Individual Savings Account เป็นบัญชีออมทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ไม่ต้องเสียภาษี เพื่อให้สิทธินักลทุนเลือกได้เอง โดยไม่กระทบต่อพอร์ตการลงทุนในตลาด จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาตลาดทุน
...ทั้งหมดนี้คือ “โรดแมปฟื้นเศรษฐกิจเฉพาะกิจ” ที่รัฐบาลเฉพาะกาลพยายามขับเคลื่อนให้ทันก่อนสิ้นปี เพื่อประคองความเชื่อมั่นในช่วงเปลี่ยนผ่าน และสร้างฐานรากให้เศรษฐกิจไทยกลับมามีแรงส่งอีกครั้ง ...เศรษฐกิจไทยวันนี้อาจยังไม่ถึงจุดสว่าง แต่เมื่อทุกกลไกเริ่มขยับพร้อมกัน จาก “กระเป๋าชาวบ้าน” ถึง “กระเป๋านักลงทุน” แสงปลายอุโมงค์ก็เริ่มส่องให้เห็น “ความหวังใหม่” ของเศรษฐกิจไทยบนเส้นทางเฉพาะกาลนี้
*** มีคำยืนยันจากทั้ง นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล และ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาล ว่าจะเดินหน้า “ยุบสภาภายในกรอบเวลา 4 เดือน” คือ ภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 ตามข้อตกลง (Memorandum of Agreement : MOA) ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับ พรรคพันธมิตรรัฐบาล ไม่ถูกเลื่อนหรือปรับเปลี่ยน แต่อย่างใด “ไม่ได้มีอะไร ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามกำหนดการเดิม” คำตอบจาก บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เมื่อถูกถามว่า ภายใน 4 เดือน (นับจากปลายตุลาคม) ยังจะยุบสภาเหมือนเดิมใช่หรือไม่ เช่นเดียวกับ “นายกฯ อนุทิน” ที่ระบุว่า “ไทม์ไลน์ยุบสภายังเหมือนเดิม” ยืนยันว่ารัฐบาลเฉพาะกิจนี้จะเดินตามกรอบเวลาที่ตกลงไว้
การยืนยันกรอบเวลาเช่นนี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า รัฐบาลเฉพาะกิจ มีเจตจำนงปฏิบัติตาม MOA และไม่ยืดเวลาออกไป การประกาศเช่นนี้ช่วยลดข้อครหาว่า “รัฐบาลจะลากเวลา” หรือ “เลื่อนยุบสภาเพื่ออยู่ต่อ” แม้จะยืนยันว่า “ไม่มีอะไรเปลี่ยน” แต่ภายในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ราว 3 - 4 เดือนนั้น มีหลายปัจจัยที่อาจกระทบได้ เช่น การแก้ร่างรัฐธรรมนูญ การจัดเลือกตั้ง และ ความพร้อมของพรรคภูมิใจไทย ในสนามเลือกตั้ง...