(ต่อ)
ถ้วยของหวานลายครามนั้น มีลายมดอยู่ข้างใน เขียนเปนอักษรมงคลรูปตัวมด ที่พื้นถ้วยข้างใน มีมดสี่ตัว มดแดงสองตัว มดดำสองตัวเททับด้วยเนื้อรังนกตุ๋นน้ำตาลกรวดอันสูงมูลค่า ณ เวลานั้นน้ำตาเราไหลพราก.....มันมิได้ไหลออกตา แต่ทว่าไหลย้อนกลับเข้าไปในหัวใจ
จะยี่สิบห้าปีเข้าแล้วไซร้ ที่เราได้เผชิญแก่ถ้วยอันนี้ และมดในถ้วยอันนี้ เวลานั้นสายลมแห่งโพยภัยพัดกล้ำกราย ทำให้ผู้คนเดือดร้อนท้องกิ่วทุกหย่อมย่าน ข้าราชการถูกตัดเงินเดือน ข้าไม่ราชการถูกออกจากงาน เถ้าแก่ยิงตัวตาย นายทุนค้าหุ้นโดดตึก เศรษฐีผู้ดีเก่าพากันออกเร่ขายทรัพย์สมบัติ ไม่นับผู้ยากที่ยากอยู่แล้วต้องยากเข็ญลงอีก ออกเร่ขายแรงงาน
วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจปี 2540 นั้นหนักหนาเพียงนี้ มาบัดนี้ 2563-64 กลับไม่ได้มีความแตกต่างกัน เวลานั้นเด็กชายคนหนึ่งเข้าร่วมโต๊ะล้อมวงกินข้าว บนโต๊ะกลมไม้สักปูหินแกรนิตยังมีสุภาพสตรีชราผู้มานะบุกบั่นสร้างฐานะเปนประธาน ท่านปรุงกับข้าวเอง หุงข้าวเอง ด้วยถือเปนภาระของอิสตรีที่แม้จะออกทำงานนอกบ้าน งานในบ้านก็ยังไม่ทอดธุระกับข้าวนั้นน้อยลงจำนวนอย่าง แต่ปริมาณข้าวยังเท่าเดิม ของหวานคืนนั้นท่านไขตู้ไม้เก็บรังนกแดนใต้ เอาออกล้างซาว และตุ๋นนึ่ง ช
ยามผู้ใหญ่รำพึงกันถึงภาวะปัญหารุมเร้านอกบ้าน เด็กชายคนนั้นร้องวุ่นวายถามยายของเขาผู้เปนประธานดังกล่าว ชชช ครานี้น้ำเสียงของท่านเข้มขึ้นกว่าเดิม
“ดูเข้าสิ ในถ้วยมีมดน่ะเห็นไหม? ถ้าไม่หวานมดมันจะขึ้นเข้าไปในถ้วยได้ยังไง!?”
ในความตกใจนั้น เราใช้เวลาค่อนคืนกว่าจักเข้าใจความหมาย ความหมายของมดกับน้ำตาล ความหวานในความกดดันแสนสาหัสของท่านผู้ซึ่งแบกโลกไว้ทั้งใบ ทั้งโลกครอบครัวลูกหลาน โลกการค้ากิจการลูกน้อง และโลกเกียรติยศที่ยิ่งหนักหน่วงจากโลกสองใบทวีทับโถมลงสู่ท่าน
เวลานั้นท่านฝืดเคืองมากขนาดไม่มีกระแสเงินสดจักจ่ายปันซื้อน้ำตาลกรวด มีอยู่ก็เพียงสมบัติเก่ามีค่าที่เก็บงำไว้ ได้แก่รังนกแดนใต้เหล่านั้น หาใช่สตุ้งสตางค์
หากท่านก็พากเพียรปฏิบัติตนตรงตามวัตรของท่านไม่ย่อท้อเฉลิมและฉลองทำให้เหมือนว่าปกติทั้งที่มันไม่ปกติ, shin up & shoulder back, เพื่อเปนเสาหลักให้ เพื่อเปนร่มไทรร่มโพธิ์แก่ประดาลูกหลาน_ลูกน้องมิให้เสียกำลังใจ ให้มีใจแผ้วเดินหน้าฝ่าฟันออกจากวงล้อมเศรษฐกิจบีบรัดเหมือนอย่างท่านเคยกระทำมาไม่รู้กี่ครั้ง กี่ครา ตั้งแต่รุ่นสาวจนชราผมเปลี่ยนสี ให้รู้ว่าท่านยังอยู่ตรงนี้ ยังทำหน้าที่เข้มแข็งไม่ไปไหน
คืนนั้นเราไปกราบขอขมา ท่านว่า มดนั้นมันอยู่ในถ้วยหวานแม้ว่ารังนกไม่หวาน หมายว่าเราข้นแค้นอย่างไร จะไม่ยอมรับความจริงก็ได้ แต่คนเราต้องมีกำลังใจ กำลังใจนั้นสำคัญโตไปเปนผู้ใหญ่ไปอยู่ไหนๆ อย่าใครเห็นว่าเราหมดใจ
“ปากกินว่าไม่หวาน ใจว่าหวาน_จะเปนไร ดูทีรึแค่น้ำเปล่า มดยังเกาะขึ้นถ้วย”
เราไม่ยอมรับความจริงก็ได้ถ้าความจริงทำเราหมดกำลังใจ ให้นึกถึงมดในถ้วยนี้ จะมีกำลังขึ้นจะฟันฝ่าก็ต้องฝืนใจ หมดแรงนอนหลับพรุ่งนี้หาย หมดใจนอนตายไม่เหลืออะไร เราขอกราบเทิดทูนคุณวิเศษของยายในชื่อจีนว่า นางเจ็งไซ่เฮียง ชื่อไทยว่า คุณนายทองหอม อิ่มโอชา ผู้หาญกล้าและไม่ยอมแพ้พ่ายได้อบรมบ่มนิสัยให้เยือกเย็นในเส้นทางวิบากยามความขุกเข็ญลำเค็ญย่างกรายเข้ามาหา
เดือนกันยายน พุทธศักราช 2563 ปีนั้น เรากินรังนกต้มนำ้ตาลกรวด ณ ภัตตาคารเจงง้วน ถ. ศรีภูวนารถ ตัด นิพัทธ์อุทิศ หาดใหญ่ ได้รสจืดสนิทลิ้นด้านชา
หากน้ำตาในหัวอกของเรานั้นกลับหวานแช่มชื่น_แช่มชื่นด้วยมดดำสองตัว มดแดงสองตัวในถ้วยนั้น ซึ่งพลันเรียกคำสอนสั่งให้กำลังใจของยายให้ลอยล่องเข้ามาในโสตประสาทเข้าประโลมแลชุบดวงใจอ่อนล้าของเราให้เข้มแข็ง กับทั้งประดาผู้ล้อมวงเข้าโต๊ะกลมแห่งความทรงจำทั้งหลาย ด้วยสำนึกซาบซึ้ง และ ทราบซึ้งเข้าไปในใจฯ
0. เลือกรังนกทะเลใต้แบบว่าเเกะมาจากถ้ำบนเกาะจริงๆ อย่าเอารังนกตึกที่ล่อมาเลี้ยง จะเอารังนกแดงสีเลือดก็ได้ อย่าไปเชื่อเรื่องนกสำรอกเลือดออกมาปนทำรังให้สยองใจมากนัก มันแดงด้วยออกไซด์แร่บางอย่างจากผนังถ้ำทำปฏิกิริยาต่างหาก
1. ใช้น้ำสะอาด เช่น น้ำดื่มตราสิงห์ น้ำดื่มตราช้าง ล้างรังนกให้เกลี้ยงดี อย่าใช้น้ำประปาที่มีกลิ่นคลอรีน เพราะกลิ่นจะเข้าไปในเนื้อรังนก อย่าใช้น้ำกรอง R.O. รีเวอร์ออสโมซิส มันไม่จับเนื้อรังนก
2.ล้างรังนกแล้ว แช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ ครึ่งค่อนวันให้รังนกพองตัว เอาตะเกียบทิ่มเขี่ยๆเกลี่ย ให้เส้นรังนกคลายตัวไม่กระจุกกัน ซึ่งจะทำให้สามารถเลือกขนนกเศษผงที่ปะปนออกมาง่าย รังนกที่แช่น้ำแล้ว จะพองขึ้นได้ถึง 10 เท่า
*รังนกบางเจ้าในกล่องใส ทำความสะอาดเบื้องต้นมาแล้วก็อย่าวางใจ ควรได้ทำอีกที
3. ตั้งหม้อตุ๋น หรือใช้หม้อลอยน้ำก็ได้ ตุ๋นรังนกในไฟรุมครู่หนึ่ง ชั่วเวลา 15 นาที รังนกใหม่จะนิ่มสีใส หากรังนกเก่าจะใช้เวลานานหน่อย ดูให้สุกนิ่มนวลดี
4. ระหว่างนั้นละลายน้ำตาลกรวดกับน้ำสะอาด(ตามเคย) อย่าใช้น้ำตาลอื่น เพราะน้ำตาลกรวดนั้นหวานชุ่มและไม่มีกลิ่น ทำให้รังนกแสดงบทบาทได้เต็มที่ไม่มีกลิ่นน้ำตาลไปรบกวน แล้วจึงหยอดลงในหม้อตุ๋นรังนกที่ร้อนอยู่นั้น จักหวานมากหยอดมาก หวานน้อยหยอดน้อย ก็แล้วแต่ชอบ เชิญลงมาใส่ในถ้วยมดหวานรับประทานโดยซึ้งกำซาบต่อไปฯ
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 17 ฉบับที่ 3,687 วันที่ 13 - 16 มิถุนายน พ.ศ. 2564