ที่ราชอาณาจักรเดนมาร์ค ช้างเทินปราสาทถวายราชสดุดี

26 ธ.ค. 2563 | 01:00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ อัพเดทข่าววันนี้ ราคาทอง น้ำมัน ข่าวตลาดหุ้น การเงิน ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ การตลาด เจาะลึกแบบตรงประเด็น | ฐานเศรษฐกิจ

 

อันว่ารูปภาพ จากเดนมาร์คที่แสดงอยู่นี้นั้น ถอดความแล้วได้ว่า เปนตราพระราชลัญจกรประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงรี _oval shape มีอักขระ “อุ” หรือ อ่านได้เลข ๙ ไทย ประดิษฐานบนพระแท่นอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ มีพระรัศมีเปล่งโดยรอบ 

 

ที่ราชอาณาจักรเดนมาร์ค ช้างเทินปราสาทถวายราชสดุดี

 

 

พระราชลัญจกรนี้มีความสำคัญเนื่องจากองค์พระที่นั่ง พระแท่นอัฐ_แปด แปดทิศ ราชอาสน์แปดเหลี่ยมนี้ จะเสด็จประทับในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยเปนที่ซึ่งผู้เเทนของชนทุกหมู่เหล่าจากทั้งแปดทิศจะมาแสดงความเทิดทูนยกย่องพระองค์เปนพระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดิน ด้วยการถวายน้ำสรงมูรธาภิเษก

องค์พระราชอาสน์สำคัญนี้สร้างจากไม้มะเดื่อ จึงมีชื่อว่า “อุทุมพร” กางกั้นด้วยพระบวรเศวตฉัตรหรือสัปตปฎลเศวตฉัตร  คือฉัตรเศวต_ขาว 7 ชั้น 

เหตุไร ไม่เก้าชั้น? ก็ด้วยในขณะซึ่งเสด็จประทับรับการกราบทูลเชิญนั้นยังมิได้ทรงเปนที่บรมกษัตราธิราช ต่อเมื่อ coronation บรมราชาภิเษกแล้ว จึงทรงเศวตฉัตร 9 ชั้น ขนานพระนาม พระบาทสมเด็จ นำหน้าพระปรมาภิไทย วันที่ทรงเศวตฉัตรเก้าชั้นนี้ จึงเปนที่มาของวัน “ฉัตรมงคล”

ที่ผ่านมา เมื่อเสด็จผ่านพิภพขึ้นธำรงราชย์ เฉลิมพระปรมาภิไธยเปนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว จะเสด็จประทับบนพระทั่งนั่งภัทรบิฐ ภายในนพปฎลมหาเศวตฉัตร เก้าชั้น ทรงรับการทูลเกล้าฯถวาย เครื่องราชกกุธภัณฑ์อื่นๆเปนลำดับถัดไป จากนั้นจึงเสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ เพื่อเสด็จออกมหาสมาคม

การณ์จะแทรกไว้ในที่นี้ว่า คำว่าพระที่นั่งนั้น ต่างกันกับพระตำหนัก ตรงที่พระที่นั่งแม้นองค์จะเล็ก หรือเปนอาคารโถงชนิด throne hall จะมีพราหมณ์ชักยันต์ลงเอาไว้ทั้งสิ้น ในขณะที่พระตำหนักไม่มี ด้วยเหตุที่พราหมณ์นั้นเปนผู้สามารถติดต่อพระเปนเจ้าได้โดยตรง อักขระเลกยันต์อันเปนรหัสนัยมงคล ที่พราหมณ์ชักลงไว้นี้นั้นจะนำอำนวยพรปวงเทวะมาคุ้มครองพระที่นั่งให้ไว้ได้ (เรื่องเลกยันต์นี้ก็มีโอกาสจะได้เล่าต่อไปว่าการจารเปนรหัสมีกลไลการทำงาน)

 

stone of scone

 

ตรงนี้ก็จะเปรียบเทียบพระที่นั่งของเจ้านายสายฝรั่งกันบ้างว่า ก็ทรงลงยันต์อักขระเหมือนกัน ผิดกันนิดว่าอักขระนั้นมีลงที่ก้อนศิลาก่อน แล้วย้ายก้อนศิลามาอยู่ใต้พระที่นั่ง เช่น ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด มี Stone of Scone รองรับอยู่ระหว่างตัวพระที่นั่ง(เก้าอี้) กับพื้น ตามรูป 

กลับมาที่ตราจากเดนมาร์ค Elefantordenen ตราพระลัญจกรที่ปรากฏใน Coat of Arms องค์นี้เปนองค์เดียวกับที่พระราชทานแก่มหาวิทยาลัยราชภัฎ ใช้เปนเครื่องหมายประจำมหาวิทยาลัย

ทว่าที่ล้อมรอบอยู่นั้นคือสร้อยของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชคชา ( The Royal Order of The Elephant) อันเปนดวงตราชั้นสูงสุดของราชอาณาจักรเดนมาร์ค 

 

ช้างเทินปราสาท

 

ตัวสร้อยเปนรูปช้างหลบงวงประจัญหน้ากัน รองด้วยแพรสายสะพาย_sash สีฟ้าอ่อน ห้อยตัวช้างชูงวงประกอบหอคอย (ท่าทางสัตว์มงคลฝรั่งช้าง เสือ นก ก็มีความหมายต่างกันไปอีก_ว่างก็จะเล่าอีก)

ประดาเราท่านคนเอเชียก็จะไพล่ไปคิดว่า ‘เอ่ เดนมาร์คเปนเมืองฝรั่ง จะมีช้างได้อย่างไร?’

แถมในบทความเรื่องตราเซราฟิม ทูตเทวะสวีเดน  ยังกล่าวไว้ว่าตราราชคชานี้เปนเครื่องราชย์เก่าแก่สร้างมาแต่เทียบสมัยได้กรุงศรีอยุธยาอีก เรื่องท่าจะไม่สมเหตุสมผล

แกล้งไปถามฝรั่ง ฝรั่งก็ร่ายมายาวว่า เดิมที่รัชกาลกษัตริย์โบราณของเขาไปร่วมในการสงครามครูเสด สมเด็จพระสันตปาปาเวลานั้นก็ประสาทพระพรให้ ใช้ตราพระแม่มารี (ปฏิสนธินิรมล) ประคองพระโอรสในเงาจันทร์ โดยมีช้างเทินหอคอย สองช้างประคองตราพระแม่นี้ 

ต่อมาเดนมาร์คถอยจากอำนาจวาติกันมานับถือนิกายลูเธอรัล จะใช้ตราพระเเม่ก็จะไม่ค่อยสอดคล้องกับหลักความเชื่อใหม่ เลยเชิญตราพระเเม่ออกเหลือแต่ตราช้าง

 

เอ้า_ก็หามีคำตอบไม่_ว่าทำไม จึงเปนช้าง?

คนไทยอย่างเราก็ควรจะหัวเราะเพียงเล็กน้อยสะกดไว้ในหัวอกเพราะไขปริศนาได้ ก็เดิมทีนั้นช้างเปนยุทธภัณฑ์สงคราม เคลื่อนที่ได้ประดุจรถถัง 

ภาพจำของไทย คือ สงครามยุทธหัตถี ไม่ว่าจะกับกรณีขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด_แม่สอด หรือสมเด็จพระมหาอุปราชา มังสามเกียด นั้น บนคอช้างเปนกษัตริย์ออกเล่นศึก กลางช้างนั้นมีกูบ (Howdah ) มีเจ้าหน้าที่กลางช้างคนหนึ่งคอยส่งศาสตราวุธและสัญญาณทัพผ่านแววมยุระหางนกยูง ส่วนควาญช้างไปเกาะอยู่ท้ายช้าง

 

ที่ราชอาณาจักรเดนมาร์ค ช้างเทินปราสาทถวายราชสดุดี

 

พอมาดูภาพ มาสคอทของเครื่องราชย์เดนมาร์ค ยิ่งงง เพราะควาญช้างเกิดมาอยู่ข้างหน้า ตรงกลางแทนที่จะเปนกูบธรรมดา เต็มที่ก็ howdah มีหลังคา กลับเปนหอคอย

“ช้างอารั้ย_แบกหอคอย??” ก็ตอบดื้อๆนี่หละว่า ช้างเดนมาร์ค!

ฝรั่งมังค่าเขารู้จักช้างกันมาตั้งกะสงครามไฮดาสเปอร์ ที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ มหาราช คอเคซอยผมทอง บุกมาอนุทวีปอินเดียกันแล้ว!

ดูช้างศึกพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ เธอโน่น แบกหอคอย! เปนหอคอยบรรจุทหารเคลื่อนที่จู่โจมได้ทีนี้ก็จะได้หายข้องในอก หายตลกในใจ ว่าเดนมาร์คนั้นไซร้ให้ความนับถือยกย่องแก่ช้างศึกมาก มากเสียจนนำมาเปนเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงเกียรติ

สมเด็จพระราชาธิบดีของเดนมาร์ค หรือ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ จะทรงเครื่องราชย์คชาช้างเทินหอคอยนี้ในวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคมของทุกปีเปนสิริมงคล charm luck แก่แผ่นดิน

 

ที่ราชอาณาจักรเดนมาร์ค ช้างเทินปราสาทถวายราชสดุดี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ ทรงเปนสมาชิกแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชคชา แพรแถบฟ้าอ่อน มาตั้งแต่ปี 2503

จึงเปนที่มาของตรา coat of arms ต้นเรื่องนี้ ว่าพระองค์ท่านผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐได้รับการสดุดีถวายพระเกียรติ โดยจารึกแห่งพระเกียรติยศนั้นฝรั่งไม่ใช้รูปเหมือน ไม่พิมพ์ชื่ออักษร ทว่าใช้ตราประจำตัวของพระองค์ท่านมาล้อมด้วยสายสร้อยมงคลสักการะราชสดุดีรูปช้างเทินปราสาทนั่นเอง

ส่วนท่านใดที่ยังสงสัยเรื่องช้างไทย ช้างฝรั่ง โปรดดูรูปลายเส้นที่ฝรั่งวาดช้างไทยในแผ่นดินพระนารายณ์มหาราช เทียบกับงานปั้นลอยตัวช้างเทินหอคอยในเดนมาร์ค ว่ารูปทรงช้างในทรรศนะของฝรั่งเปนอย่างเดียวกันไหม

 

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 หน้า 23 ฉบับที่ 3,639 วันที่ 27 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563