คอลัมน์ อุทาหรณ์จากคดีปกครอง โดย นายปกครอง
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,621 หน้า 10 วันที่ 25 - 28 ตุลาคม 2563
การที่ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส หรือข้อมูลการกระทำความผิดให้รัฐทราบ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิด ส่วนราชการมักจะมีเงินรางวัลตอบแทนให้เพื่อเป็นการจูงใจผู้ที่ช่วยเหลือรัฐในการแจ้งข้อมูลเบาะแสกับพนักงานเจ้าหน้าที่
ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ จึงมีการวางหลักเกณฑ์ให้ทางราชการจ่ายเงินสินบน หรือเงินรางวัล แก่ผู้ช่วยเหลือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ เช่น ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัลในคดีจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมายจราจรทางบก พ.ศ. 2534
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด พ.ศ. 2561 (แก้ไขเพิ่มเติมโดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓)
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2546
และระเบียบสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัลในการจับกุมผู้ขายสลากเกินราคา พ.ศ. 2560 เป็นต้น
สำหรับอุทาหรณ์คดีปกครองที่จะนำเสนอในวันนี้ เป็นกรณีที่ประชาชนแจ้งข้อมูลการกระทำความผิดให้กับสำนักงาน ปปง. เพื่อให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยหวังที่จะได้รับเงินสินบน หรือเงินรางวัลจากการแจ้งเบาะแสดังกล่าว
โดยเรื่องมีอยู่ว่า... นายไชย (ผู้ฟ้องคดี) ได้ยื่นใบสมัครเป็นสายลับต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ซึ่งสำนักงาน ปปง. ได้แจ้งตอบรับและกำหนดรหัสสายลับให้แก่ นายไชย แล้ว ต่อมานายไชย ได้ส่งหนังสือรายงานข้อมูลความรํ่ารวยผิดปกติของนายวอย (ชาวสิงคโปร์) และภรรยาคือ นางยง (เป็นญาติภรรยาของนายไชย) ว่าเดิมบุคคลทั้งสองซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภรรยามีฐานะยากจน แต่ภายหลังมีฐานะรํ่ารวยขึ้นและมีทรัพย์สินหลายรายการ
โดย นายวอย มีพฤติการณ์การกระทำผิดต่างๆ เช่น ความผิดในการแอบอ้างข้อมูลของผู้อื่นเพื่อจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง ความผิดเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์แผ่นซีดีความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำสินค้าเข้าประเทศ ความผิดข้อหาให้ที่พักพิงแก่คนต่างด้าว รวมทั้งความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งสำนักงาน ปปง. ได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วไม่พบว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
หลังจากนั้น นายไชย ได้รับฟังข่าวจากหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นและอายัดทรัพย์สินของ นางยง นายไชยจึงเดินทางไปยังสำนักงาน ปปง. เพื่อขอทราบผลการดำเนินการตามหนังสือแจ้งเบาะแสของตน ซึ่งสำนักงาน ปปง. มีหนังสือแจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลให้แก่ นายไชย ได้ เนื่องจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2546 ได้ถูกยกเลิกแล้ว
นายไชย เห็นว่าตนได้แจ้งเบาะแสก่อนที่จะมีการยกเลิกระเบียบฉบับดังกล่าว อีกทั้งตนได้ยื่นคำร้องขอรับเงินสินบนภายในกำหนดเวลา จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ผู้ถูกฟ้องคดี) จ่ายเงินสินบนหรือเงินรางวัลให้แก่ตน
กรณีนี้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เลขาธิการ ป.ป.ส. มีคำสั่งอนุมัติให้จับกุมนายฮิน ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและมีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์สินของนายฮิน เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งมีทรัพย์สินของ นางยง รวมอยู่ด้วย เลขาธิการ ป.ป.ส. จึงมีคำสั่งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สิน ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของนางยง แต่ต่อมาได้มีคำสั่งให้ยกเลิกการยึดหรืออายัดทรัพย์สินของนางยง เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่าไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนายฮิน
การที่ผู้แจ้งความนำจับจะเป็นผู้มีสิทธิรับเงินสินบนตามระเบียบดังกล่าวได้ ก็ต่อเมื่อได้มีการแจ้งความนำจับในคดีความผิดมูลฐาน (เกี่ยวกับยาเสพติด) หรือความผิดฐานฟอกเงิน และการแจ้งความดังกล่าวจะต้องมีผลให้การดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินที่แจ้งความนั้นสำเร็จ
เมื่อสำนักงาน ปปง.มิได้นำข้อมูลการแจ้งเบาะแสของผู้ฟ้องคดีไปดำเนินการจับกุม ยึด หรืออายัดทรัพย์สินของนายวอย และนางยง ตามฐานฟอกเงินหรือกระทำความผิดมูลฐาน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการของสำนักงาน ป.ป.ส. อันเนื่องจากการจับกุมนายฮิน โดยที่มิได้มีการจับกุมนายวอย และนางยง และทรัพย์สินที่ถูกตรวจสอบแม้จะเป็นของนางยง แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดของนายฮิน
นอกจากนี้ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า สำนักงาน ปปง. ได้ส่งขอมูลของผู้ฟ้องคดีให้กับสำนักงาน ป.ป.ส. และไม่ได้นำข้อมูลของผู้ฟ้องคดีไปดำเนินการใดๆ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
กรณีของผู้ฟ้องคดีจึงยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2546 ที่จะมีสิทธิได้รับเงินสินบนดังกล่าว ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้อง (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.116/2562)
จากคำพิพากษาในคดีนี้จะเห็นได้ว่า การจะได้รับเงินสินบนหรือเงินรางวัลนั้น จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยผู้แจ้งความนำจับ หรือผู้แจ้งความนำสืบทรัพย์สินจะต้องนำความแจ้งต่อพนักงานผู้รับแจ้งเกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐาน (เกี่ยวกับยาเสพติด) หรือฐานฟอกเงิน และมีผลทำให้การจับ ดำเนินคดี หรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์นั้นสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายเงินรางวัลของสำนักงาน ปปง. ฉบับดังกล่าวได้ถูกยกเลิกแล้ว กรณีหากประชาชนประสงค์จะให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพื่อหวังเงินรางวัล ก็ต้องศึกษาหลักเกณฑ์เงื่อนไขตามที่กฎหมายในเรื่องนั้นๆ ได้กำหนดไว้
(ปรึกษาคดีปกครองได้ที่สายด่วนศาลปกครอง 1355)