>> ฉบับก่อน เจ๊เมาธ์ไม่ได้เขียนแค่เอามันส์ เรื่องของท่าน “ปทาน ศรีสุวรรณ” นะคะ ด้วยหลักฐานที่เจ๊เมาธ์ได้มาทั่วทุกทิศ ทั้งจากผู้เสียหาย หรืองบการเงินย้อนหลัง การถือหุ้นกลุ่มคิงส์ฟอร์ด ของ “ท่านปทาน” ก็ทำเอาคุณท่านนั่งก้นไม่ติดเหมือนกันค่ะ วิ่งพล่านหาคนเคลียร์ แล้วยังมาขู่เจ๊เมาธ์...ฟอดๆ เชอะ !!!! ให้รีบ ๆ เลยค่ะ อย่าให้เจ๊ต้องใช้รถแม็กโครขุดความฉาวมากไปกว่านี้เลยค่ะ...
>> ที่เจ๊เมาธ์ทำไป แค่สงสารนักลงทุน ที่นำเงินมาร่วมลงทุน บางคนเพิ่งเริ่ม อีกหลายๆ คนเริ่มมาหลายปีไม่น้อยกว่า 3 ปี คนมีชื่อเสียง แม้กระทั่งพนักงานของคิงส์ฟอร์ด ลูกน้องท่านปทานก็ไม่เว้นระดมเงินลงทุน ถามหน่อยเถอะผ่านไปหลายปี มีใครได้ผลตอบแทนบ้าง?
>> เจ๊เมาธ์บอกตรงๆ เลยค่ะ สงสารพนักงาน อุตส่าห์เก็บออมมาทั้งชีวิต หรือโครงการออมเงินเพื่อลูก สงสารเด็กน้อยตาดำ ๆ เถอะค่ะ
>> กลับมาที่เรื่องที่เจ๊เมาธ์ แอบได้ยินมาใน “บล.คิงส์ฟอร์ดฯ” เมาธ์กันให้แซดว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมามีการจัดประชุมกรรมการและมีการนำชายชุดดำมาผลักอกอดีตผู้บริหารและกีดกันไม่ให้เข้าห้อง...
>> ไม่รู้กรรมการอย่าง
>> พล.อ.อ.สามารถ โสดสถิตย์, นางบุษบา บุนนาค, นายสมสัก นนทกนก, นางสาวไพลิน กอวัฒนา, พล.ต.ชาคริต สวัสดี, นายวรากรณ์ กุนทีกาญจน์, นายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร, นายวิมุตติ สุขทิพยาโรจน์
>> จะรู้เรื่องมั้ยกับการกระทำเยี่ยงนี้!!
>> ฟังความอะไร ฟังสองฝั่งอย่าหูเบา... ควรรำลึกในใจเสมอว่า บริษัท คิงส์ฟอร์ดฯ (โฮลดิ้ง) มีผู้ถือหุ้นหลายร้อยรายที่ชีชํ้ากับผลขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี...
>> อีกทั้งเหล่ากรรมการควรระวังให้ดีกับการมีแนวคิดแอบนำเงินฝากลูกค้าที่วางเป็นหลักประกัน (NCR) ไปใช้นอกวัตถุประสงค์หรือวางคํ้าประกันใดๆ ที่ ก.ล.ต. ห้ามนะคะ!!
>> เงินลูกค้าฝากเพื่อซื้อขายหุ้นกว่าพันล้านเป็นเงินศักดิ์สิทธิ์... ก.ล.ต. ดูดีๆ เดี๋ยวลูกค้า บล. มีชื่อนี้อาจเสียหายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว!
>> แค่เตือนหลังจากได้ฟังเทปเพลงเจ็บกระดองใจของแหวน-ธิติมา...
>> กลับสู่เรื่องภาพรวมตลาดหุ้น... สัญญาณยังไม่ค่อยจะดี หมี...หมี มาแล้วค่า เห็นตลาดหมีกันหรือเปล่าคะ ตอนนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกเข้าสู่ภาวะตลาดหมีเต็มตัว ติดเชื้อ COVID-19 เต็มตัวแล้วค่ะ ...ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) งัดเอาไม้ตายเรื่องลดดอกเบี้ย ตูมเดียวเสียวทั้งโลก 1% กดลงจนหมดเหลือ 0- 0.25 % รวมถึงการอัด QE เข้าไปในระบบอีก 7 แสนล้านดอลลาร์ เอาเป็นว่าตอนนี้หมีมาแล้วค่ะ อัดกันขนาดนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ 2 ครั้งแล้ว เหมือนตลาดหุ้นไทยเลยค่ะ ...
>> เจ๊เมาธ์ไม่จำเป็นต้องบรรยายอะไรเยอะค่ะ เจ็บคอ ลำพังมาตรการที่คุณพี่ “ภากร” เอ็มดีตลาดหุ้นไทย กว่าจะงัดออกมาได้ ทำเอาเม่าน้อย เกือบตายหมู่ ห้ามทำชอร์ตเซล โน่นนี่นั่น เจ๊เมาธ์ถามคำเถอะ “ภากร” ห้ามโบรกเกอร์ต่างชาติทำเน็กเก็ตชอร์ต ได้ยัง บังคับได้มั้ยคะให้มีหุ้นในมือ หรือในศูนย์รับฝากก่อน ทำชอร์ตเซล ...เน็กเก็ตชอร์ตนี่แหละค่ะตัวดี ทำตลาดหุ้น “เละ” เป็น“โจ๊ก”
>> หุ้นร่วงแรงๆ ที่เจ็บหนักที่สุด ก็คงจะไม่มีใครเกิน GULF BGRIM GPSC ซึ่งถือว่าเป็น 3 ทหารเสือโรงไฟฟ้าขาใหญ่ ก็อย่างที่เจ๊เมาธ์คอยบอกคอยแซะไปหลายรอบ ว่าลูกพี่ใหญ่ทั้ง 3 มีอาการบวมจนอืดเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการเอาฝันระยะยาวอีก 4-6 ปีมาขาย หรือแม้แต่ค่าพี/อีระดับใกล้ๆ 100 ถ้าใครเผลอลงทุนด้วยก็ต้องทิ้งช่วงยาว ๆ ให้หลานหญิงหลานชายมาช่วยรับมรดกไปโน่นเลยถึงจะคุ้มทุนนะคะ พอเกิดวิกฤติ...ความจริงปรากฏนั้นละค่า แต่หนักขนาดนี้ก็แค่ความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นใหญ่ลดลงนิดเดียวเองค่ะ
>> ไปที่หุ้นธนาคารอย่าง SBC, KBANK, BBL ทั้ง 3 ถือว่าเป็นหุ้นธนาคารใหญ่ระดับแนวหน้ากันบ้างค่ะ มีข่าวซุบซิบออกมาว่าวันที่ 25 มีนาคมนี้ กนง.อาจจะลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาอีก 0.25-0.5% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในการรับมือโรค COVID-19 ซึ่งมันก็แน่นอนว่าเรื่องนี้มันกลายเป็นกระแสกดดันให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารยังขยับไปไหนไม่ได้ แต่ถ้าไปดูไส้ในจริงๆ แล้ว จะเห็นว่าหุ้นกลุ่มธนาคารเหล่านี้ มีราคาหุ้นหน้ากระดานที่ลดลงมาจนตํ่ากว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีมากเกือบๆ เท่าตัว
>> เช่น SCB ปัจจุบันราคาหุ้นหน้ากระดานอยู่ที่ 60-62 บาท/หุ้น แต่มีมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ 117.78 บาท/หุ้น ในขณะที่ KBANK ปัจจุบันราคาหุ้นหน้ากระดานอยู่ที่ 86-87 บาท/หุ้น มูลค่าหุ้นทางบัญชีราว 169.79 บาท/หุ้น
>> ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มธนาคารใหญ่เหล่านี้ พยายามรักษาเสถียรภาพราคาหุ้นด้วยการตั้งกองทุนในการซื้อหุ้นคืน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนนั้นเอง
>> ดังนั้นถ้ามองให้ลึกลงไปจะเห็นได้ว่าหุ้นในกลุ่มธนาคารเหล่านี้ได้สะท้อนภาพของการปรับลดดอกเบี้ยของ กนง.เอาไว้ล่วงหน้ามาตั้งนานแล้ว