ใช้สิทธิเรียกร้องเหตุละเมิด จากคำสั่งพ้นกำหนด หมดสิทธิได้ค่าเสียหาย!

05 มิ.ย. 2562 | 05:59 น.

 

กรณีที่หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจตามกฎหมาย ทำให้บุคคลอื่นหรือเอกชนคนใดคนหนึ่งได้รับความเสียหาย “กำหนดเวลา” ถือเป็นด่านสำคัญที่ผู้ได้รับความเสียหายจะใช้สิทธิเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 กำหนดวิธีการและเวลาการใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนไว้ 2 ลักษณะ คือ

วิธีที่ 1 การยื่นฟ้องหน่วยงานของรัฐต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาพิพากษาให้หน่วยงานของรัฐชดใช้ค่าสินไหมทดแทนภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้องคดี แต่ไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่มีเหตุแห่งการฟ้องคดีตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 

วิธีที่ 2 ยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐให้หน่วยงานของรัฐชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ซึ่งหากไม่พอใจผลการวินิจฉัยของหน่วยงานของรัฐสามารถฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งผลการวินิจฉัยหรือพ้นระยะเวลาในการวินิจฉัย

มีประเด็นปัญหาว่า หากผู้เสียหายจะใช้สิทธิตามวิธีที่ 2 จะต้องยื่นภายในเวลาใด เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวไม่ได้กำหนดเวลาไว้ และวันเริ่มต้นนับระยะเวลาดังกล่าวคือวันใด

ประการแรก ผู้เสียหายต้องยื่นคำขอให้หน่วยงานของรัฐชดใช้ค่าสินไหมทดแทนภายในเวลาใด

ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยไว้หลายคดีเกี่ยวกับระยะเวลาในการยื่นคำขอตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ถือว่ามีลักษณะเดียวกันกับการฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยระยะเวลาการใช้สิทธิยื่นคำขอต้องใช้ระยะเวลาเดียวกับการฟ้องคดีต่อศาลปกครอง (วิธีที่ 1) คือ ผู้เสียหายที่ประสงค์จะใช้สิทธิตามวิธีที่ 2 จึงต้องใช้สิทธิยื่นคำ ขอต่อหน่วยงานของรัฐภายใน 1 ปี นับแต่ “วันที่รู้หรือควรรู้เหตุแห่งการกระทำละเมิด”

 

ประการที่ 2 วันที่รู้หรือควรรู้เหตุแห่งการกระทำละเมิดหมายถึงวันใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจออกคำสั่งทางปกครอง และคู่กรณีที่ตกอยู่ในบังคับของคำสั่งเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามหลักกฎหมายที่เป็นฐานที่มาของการใช้อำนาจจะกำหนดให้คู่กรณีดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการที่เป็นสาระสำคัญเพื่อแก้ไขเยียวยาความเสียหายภายในฝ่ายปกครองก่อน เช่น การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง ซึ่งหากผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มีมติหรือคำสั่งอย่างใดแล้ว คู่กรณีไม่พอใจ จึงจะมีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และขณะเดียวกันก็อาจขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้หน่วยงานของรัฐชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไปด้วย

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ หากหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งทางปกครอง ยกตัวอย่างเช่น หน่วยงานของรัฐออกคำสั่งให้นาย ก. ผู้เสนอราคาไม่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าเสนอราคา (คำสั่งทางปกครอง) นาย ก. ไม่เห็นด้วย จึงได้อุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง และต่อมาผู้มีอำนาจวินิจฉัยอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์โดยเห็นว่าคำสั่งเดิมให้นาย ก. ไม่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าเสนอราคาชอบแล้ว จึงมีมติยืน

 

นาย ก. ได้รับแจ้งมติเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 จึงฟ้องคดีต่อศาลปกครอง โดยมีคำขอเฉพาะประเด็นเรื่องขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยไม่ได้ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้หน่วยงานของรัฐชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไปด้วย...จนกระทั่งศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า คำสั่งให้นาย ก. ไม่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าเสนอราคาเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงให้เพิกถอนคำสั่ง

กรณีเช่นนี้ หากนาย ก. จะใช้สิทธิยื่นคำขอให้หน่วยงานของรัฐชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จะต้องเริ่มต้นนับระยะเวลาการใช้สิทธิ 1 ปี นับแต่วันรู้เหตุแห่งการละเมิดตั้งแต่วันใด

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยประเด็นนี้ว่า ถือว่าวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 (วันที่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่ง) เป็นวันที่นาย ก. ได้รู้ถึงเหตุแห่งการละเมิดแล้ว จึงสามารถใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากหน่วยงานของรัฐได้ภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี คือ ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2553 ถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2554 (คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 186/2561)

 

คดีนี้เป็นอุทาหรณ์ที่น่าสนใจแก่ประชาชนในการใช้สิทธิเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐผู้กระทำละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ไม่ว่าจะด้วยวิธีการฟ้องคดีต่อศาลตามวิธีที่ 1 หรือวิธีที่ 2 คือ การยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จะต้องเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งและจะต้องใช้สิทธิภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดครับ !

(ปรึกษาคดีปกครองได้ที่สายด่วนศาลปกครอง ๑๓๕๕ และสืบค้นเรื่องอื่นๆ ได้จาก www.admincourt.go.th เมนูวิชา การ เมนูย่อยอุทาหรณ์จากคดีปกครอง) 

 

อุทาหรณ์จากคดีปกครอง โดย นายปกครอง

หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3476 ระหว่างวันที่ 6 - 8 มิถุนายน 2562

ใช้สิทธิเรียกร้องเหตุละเมิด จากคำสั่งพ้นกำหนด หมดสิทธิได้ค่าเสียหาย!