ความเดิมจากบทความครั้งที่แล้วเราคุยค้างกันในเรื่องราคาที่สูงขึ้นเรื่อยๆของคอนโดมิเนียม และมุมมองของดีเวลอปเปอร์ว่าเขามีวิธีคิดในการจัดการบริหารคอนโดมิเนียมอย่างไร คราวนี้เราลองมาทำความเข้าใจกับความต้องการของผู้บริโภค และการทำงานของสถาปนิกกันบ้างนะครับ เพื่อให้เห็นทุกสิ่งอย่างรอบด้านในกระแสยุคคอนโดฯ ครองเมือง
เมื่อมองในมุมของผู้บริโภค... คงหนีไม่พ้นเรื่อง
- วัตถุประสงค์ของการซื้อ เช่น ซื้อเพื่ออยู่เอง หรือลงทุนโดยการขายต่อ-ให้เช่าเพราะจะมีผลต่อการตัดสินใจทั้งในเรื่องงบประมาณที่จะซื้อ และงบประมาณตกแต่ง
- ทำเลที่ตั้งที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการซื้อ
- งบประมาณ
- ความน่าเชื่อถือของดีเวลอปเปอร์ผู้บริโภคในปัจจุบันดูกันไปถึงผู้ออกแบบ และผู้รับเหมาเลยก็มี
- ตำแหน่งของห้อง ก็ยังมีรายละเอียดมากมายให้ต้องคิดแถมในบางโครงการที่ขายดีมากๆ ยังต้องคิดแข่งกับเวลาด้วย
เพราะหากมัวแต่คิดมากห้องตำแหน่งดีๆ ที่เล็งไว้จะโดนจองไปหมด ส่วนรายละเอียดหลักๆ ที่นำมาพิจารณากันก็มีดังนี้
หลีกเลี่ยงตำแหน่งที่รับแดดช่วงบ่ายเต็มๆ เพราะทำให้ภายในห้องร้อนในช่วงเย็นถึงกลางคืน ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักเกินจำเป็น
หลีกเลี่ยงห้องที่อยู่ติดลิฟต์เพราะมีโอกาสที่จะได้ยินเสียงเปิด-ปิดลิฟต์รบกวน
หลีกเลี่ยงห้องที่อยู่ใกล้ห้องเก็บขยะ เพราะจะได้ยินเสียงเปิด-ปิดประตู รวมถึงเสียงทิ้งขยะลงถัง
หลีกเลี่ยงห้องที่อยู่ชั้นใต้สระว่ายนํ้า เพราะลดความเสี่ยงเรื่องนํ้ารั่วจากสระลงมาที่ห้อง ซึ่งจะเป็นปัญหาที่ใหญ่มากในอนาคต
หลีกเลี่ยงห้องที่อยู่ชั้นบนสุด เพราะความร้อนจะถ่ายเทลงมาค่อนข้างมาก นอกจากจะสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุและการออกแบบที่ป้องกันความร้อนชั้นหลังคาจากทางโครงการ
เลือกชั้นที่มีห้องจำนวนไม่มาก หรืออยู่ปลายๆ ของทางเดิน (ถ้าไม่ต้องเดินไกลจนเกินไป) จะได้ไม่ถูกรบกวนเวลามีคนเดินผ่านหน้าห้อง
เลือกห้องที่เห็นวิวที่ดี แต่หากเป็นคอนโดมิเนียมประเภท Low rise ก็อาจจะเลือกตำแหน่งห้องที่เห็นสวนส่วนกลาง หรือสระว่ายนํ้า
และเมื่อเรามายืนในฐานะสถาปนิก... นอกจากคิดเพื่อตอบโจทย์ให้กับคน 2 กลุ่มแรกแล้ว ยังต้องคิดถึงการที่อาคารนี้จะต้องอยู่คู่กับสังคมไปอีกหลายสิบ ปีหรือ 100 ปีถึงแม้จะเป็นแค่เพียงคนที่ขับรถผ่านมามองเห็นอาคารนี้ ในฐานะสถาปนิกก็ต้องคิดเผื่อแล้ว คิดเผื่อคนโน้น เผื่อคนนี้ เผื่อคนนั้น คิด คิด คิด ...
- คิดว่าทำอย่างไรจึงจะสร้างความสมดุลระหว่างตัวเลขเม็ดเงินลงทุน กับความสวยงามเรียกว่าออกแบบไป ก็ต้องกดเครื่องคิดเลขกันไปเลยทีเดียว
- คิดว่าทำอย่างไรจึงจะสร้างความลงตัวระหว่างความต้องการในเรื่องพื้นที่ใช้สอยอันมากมายของคนอยู่อาศัย เมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการให้มีพื้นที่ใช้สอยให้น้อยที่สุดจากดีเวลอปเปอร์เพื่อไม่ให้ราคาขายสูงเกินไป
- คิดว่าทำอย่างไรจึงจะจัดที่จอดรถกับพื้นที่สีเขียวให้พอกับที่กฎหมายกำหนด โดยไม่ไปเบียดบังพื้นที่ขายมากจนเกินไป
- คิดว่าทำอย่างไรกับการจับเอาฟังก์ชัน และอารมณ์ของบ้านเดี่ยวมาลงในพื้นที่ที่จำกัดที่สุด โดยเฉพาะผู้บริโภคที่ชอบคอนโดมิเนียมประเภท Low rise เพราะไม่ชอบอยู่ชั้นสูงๆ ยังอยากให้มีอารมณ์ของบ้าน มองไปนอกหน้าต่างยังพอมองเห็นยอดต้นไม้อยู่บ้าง
- คิดว่าทำอย่างไรที่จะสร้างจุดเด่นให้กับโครงการเพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับโครงการ
- คิดว่าทำอย่างไรจะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในโครงการ และคนที่ใช้ชีวิตอยู่รอบๆ โครงการ
- คิดว่าทำอย่างไรอาคารที่ออกแบบมานี้จะมีคุณค่าให้พูดถึงต่อไปอีกนาน มากกว่าการต่อว่าตามหลังเมื่อเวลาผ่านไป
ช่วงเวลาคอนโดมิเนียมครองเมืองนี้อาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในยุคหนึ่ง หรืออาจจะกินระยะเวลาไปอีกนาน ยังเป็นคำถามที่ยากจะตอบ แต่สิ่งที่ได้กล่าวมาข้างต้นเป็นการรวบ รวมมุมมองของกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง ทำให้เข้าใจว่าใครคิดอะไรอยู่ เพราะการออกแบบจะเปรียบเหมือนเครื่องกระจายเสียงให้ความคิดของแต่ละกลุ่มคนนั้นถูกพูดออกมาดังๆ ด้วยการสร้างให้เป็นจริงขึ้นมา กระบวนการออกแบบจะเป็นเหมือนการประนีประนอม และกลั่นกรองทางความคิด จากเรื่องราวร้อยแปดพันเก้า เอามารวบ รวมเรียบเรียงและสร้างสรรค์ไปในทิศทางที่เหมาะสม
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,337 วันที่ 4 - 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 256