อาชีวศึกษา และตลาดแรงงานในประเทศไทย

17 ธ.ค. 2560 | 23:07 น.
TP07-3323-2A ถึงแม้ว่าการศึกษาในสายอาชีพและเทคนิค (ในที่นี้กล่าวถึง โดยรวมว่า “อาชีวศึกษา”) จะได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศเพื่อการนำไปสู่ประเทศไทย 4.0 แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีค่านิยมบางอย่างเกี่ยวกับอาชีวศึกษาที่ทำให้หลายคนเลือกที่จะไม่เรียนต่อในสายนี้ โดยหลายคนในสังคมยังมองว่าการศึกษาในสายอาชีพเป็นตัวเลือกที่ 2 รองจากการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ทั้งนี้เนื่องจากภาพลักษณ์ที่ว่าหากจบอาชีวศึกษาจะมีรายได้ตํ่า โอกาสด้านความก้าวหน้าทางอาชีพไม่ดี นอกจากนี้ยังมีข่าวเกี่ยวกับความรุนแรงของนักเรียนอาชีวศึกษาบางกลุ่ม

การศึกษาของ Moenjak and Worswick (2003) ได้แสดงให้เห็นว่า สำหรับผู้ที่จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ (มัธยมศึกษาปีที่ 6) และสายอาชีวศึกษา (ประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือปวช.) นั้น กลุ่มที่เรียนสายอาชีวศึกษามีรายได้ที่สูงกว่ากลุ่มที่เรียนสายสามัญอยู่ถึง 63.9% สำหรับผู้ชาย และ 49.4% สำหรับผู้หญิง ซึ่งรายได้ที่สูงกว่านี้นับว่าเป็นสัดส่วนที่สูงกว่ามาก โดยการศึกษานี้คณะผู้วิจัยได้ใช้ข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2532-2538 ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่มีการจัดทำทุกไตรมาส

การศึกษาของผู้เขียน (Herberholz and Sukontamarn, 2017) ได้ใช้ข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2544-2559 เพื่อศึกษาเปรียบเทียบสถานการณ์ด้านอาชีวศึกษากับผลการศึกษาของ Moenjak and Worswick (2003) หลังจากที่ช่วงเวลาได้ผ่านมาหลายปี โดยศึกษาปัจจัยที่ส่งผลในการตัดสินใจเลือกเรียนสายอาชีวศึกษาหรือสายสามัญ และศึกษาว่าการเรียนในสายอาชีวศึกษายังนำไปสู่รายได้ที่สูงกว่าหรือไม่ สำหรับช่วงเวลาหลังวิกฤติเศรษฐกิจใน ปี 2540

นอกจากนี้ การศึกษาของผู้เขียนได้ศึกษาเพิ่มเติมจากงานของ Moenjak and Worswick (2003) โดยศึกษามิติอื่นๆ ของตลาดแรงงาน ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างการเรียนสายอาชีวศึกษาและสถานภาพการทำงาน (เช่น เป็นนายจ้าง หรือลูกจ้างเอกชน หรืออื่นๆ) ประเภทของงาน (ภาคการผลิตขั้นพื้นฐาน ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ) และระดับทักษะในการทำงาน

TP07-3323-1A ในประเทศไทย ผู้ที่เลือกเรียนอาชีวศึกษาเริ่มต้นการศึกษาสายนี้หลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และสามารถศึกษาในสายอาชีวศึกษาได้ 3 ระดับ ตั้งแต่ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และระดับปริญญาตรีสายวิชาชีพ สำหรับการศึกษานี้ ผู้เขียนเน้นศึกษาเฉพาะผู้ที่จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ (มัธยมศึกษาปีที่ 6) และสายอาชีวศึกษา (ประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือปวช.) เท่านั้น และไม่ได้กำลังศึกษาต่อเนื่อง

สำหรับการตัดสินใจเลือกเรียนสายอาชีวศึกษาหรือสายสามัญ ผลการศึกษาพบว่าผู้ที่มีอายุมากกว่ามีโอกาสเลือกศึกษาในสายอาชีวศึกษามากกว่า ซึ่งอาจสะท้อนว่าการศึกษาสายอาชีวศึกษาเป็นที่นิยมน้อยลงในระยะหลัง ผู้ชายมีโอกาสที่จะเลือกเรียนสายอาชีวศึกษามากกว่าผู้หญิง นอกจากนี้สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของพ่อแม่ รวมทั้งภาคที่อยู่อาศัยก็มีส่วนในการตัดสินใจ และการศึกษาในครั้งนี้พบว่า สำหรับผู้ที่เรียนสายสามัญถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และผู้ที่เรียนปวช.นั้น หลังจากทำงานแล้วผู้ที่เลือกเรียนปวช.มีรายได้สูงกว่าผู้ที่เลือกเรียนสายสามัญ (รายได้ที่สูงกว่านี้ คิดเป็น 13% สำหรับผู้ชาย และ 16.7% สำหรับผู้หญิง) นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่าในภาพรวมผู้ชายมีรายได้สูงกว่าผู้หญิง ผู้ที่แต่งงานแล้วมีรายได้สูงกว่าผู้ที่มีสถานภาพสมรสอื่นๆ และผู้ที่อยู่ในกรุงเทพมหานครมีรายได้สูงกว่าผู้ที่อยู่ในจังหวัดอื่น

บาร์ไลน์ฐาน ในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง การเรียนสายอาชีวศึกษาและสถานภาพการทำงาน ได้แบ่งสถานภาพการทำงานออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ นายจ้าง ผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวโดยไม่มีลูกจ้าง ลูกจ้างเอกชน ผู้ที่ทำงานให้ครอบครัวโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และอื่นๆ (ซึ่งรวมลูกจ้างรัฐบาล ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ผู้รับจ้างทำงานหลายเจ้า และการรวมกลุ่ม) ผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่เรียนสายอาชีว ศึกษามีโอกาสทำงานในสถานะผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวโดยไม่มีลูกจ้างและผู้ที่ทำงานให้ครอบครัวโดยไม่ได้รับค่าจ้าง น้อยกว่าการทำงานในสถานะอื่นๆ สำหรับประเภทของงาน (ซึ่งแบ่งเป็นภาคการผลิตขั้นพื้นฐาน ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ) ผลการศึกษาพบว่า สำหรับผู้ชายที่เรียนสายอาชีวศึกษานั้น มีโอกาสที่จะทำงานภาคการผลิตขั้นพื้นฐานน้อยกว่าการทำงานในภาคบริการ ในส่วนของผู้หญิงที่เรียนสายอาชีวศึกษา มีโอกาสที่จะทำงานภาคการผลิตขั้นพื้นฐานและ ภาคอุตสาหกรรมน้อยกว่าการทำงานในภาคบริการ ทั้งนี้ผลการศึกษาสอด คล้องกับวัตถุประสงค์ของการศึกษาในสายอาชีพเพื่อฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน โดยเฉพาะสำหรับภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ

ระดับทักษะในการทำงาน แบ่งเป็นงานที่ใช้ทักษะขั้นสูง (high skilled) งานที่ใช้ทักษะด้านฝีมือหรือแรงงาน (skilled manual) งานที่ใช้ทักษะที่ไม่ ใช่ด้านฝีมือหรือแรงงาน (skilled non- manual) และงานที่ไม่ใช้ทักษะ (low skilled) ซึ่งผลการศึกษาพบว่าผู้ชายที่เรียนด้านอาชีวศึกษามีแนวโน้มที่จะทำงานที่ใช้ทักษะขั้นสูง งานที่ใช้ทักษะด้านฝีมือหรือแรงงาน งานที่ใช้ทักษะที่ไม่ใช่ด้านฝีมือหรือแรงงาน มากกว่าการทำงานที่ไม่ใช้ทักษะ ในขณะที่ผู้หญิง ที่เรียนด้านอาชีวศึกษามีแนวโน้มที่จะทำงานที่ใช้ทักษะขั้นสูง และงานที่ใช้ทักษะด้านที่ไม่ใช่ด้านฝีมือหรือแรงงาน มากกว่างานที่ไม่ใช้ทักษะและงานที่ใช้ทักษะด้านฝีมือหรือแรงงาน

จากการศึกษานี้พบว่า การเรียนอาชีวศึกษาเป็นการเตรียมบุคคลเข้าสู่ตลาดแรงงานบางประเภทที่ใช้ทักษะ และข้อได้เปรียบนี้ส่งผลให้ผู้ที่เรียนอาชีวศึกษามีรายได้สูงกว่าผู้ที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สายสามัญ ซึ่งผลการศึกษานี้สนับสนุนให้มีการพัฒนาอาชีวศึกษาในประเทศไทยให้มีคุณภาพและเป็นที่นิยมมากขึ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,323 วันที่ 17 - 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9