เมื่อดีเอสไอได้ประกาศว่า “พระธัมมชโย” หนีไปแล้ว จึงประกาศให้พื้นที่บริเวณวัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกายกลับเข้าสู่สภาวะปกติเสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ติดตามมาอย่างมากมาย ว่าที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็กลายเป็นมวยล้มต้มคนดูอยู่เพราะยังไม่ได้ตัว “พระธัมมโย” เลย ก็เลิกปฏิบัติการเสียแล้ว!!
[caption id="attachment_134789" align="aligncenter" width="395"]
พระทัตตชีโว[/caption]
ต้องกลับมาทบทวนกันดูว่าแรกเริ่มเดิมทีนั้น “พระธัมมชโย” มีเพียงคดีความ “รับของโจรและฟอกเงิน” หากเพียงแต่วันนั้น “มอบตัว” ก็จะได้ประกันตัวมาสู้คดี วันนี้ “พระธัมมชโย” ก็คงจะอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ส่วน “วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกาย” ก็ยังคงทำสิ่งที่เคยทำไปได้ตามปกติ
แต่เพราะ “ความหลง” ทำให้เกิด “มิจฉาทิฐิ” ออกมาประกาศว่าตัวเอง “ไม่ได้รับความยุติธรรม” ซึ่งเป็น “การปฏิเสธกฎแห่งกรรม” อันเป็นหลักสำคัญของพระพุทธศาสนา และคงมั่นใจในบรรดาศิษยานุศิษย์ที่มีจำนวนมหาศาลและ “การเชื่อมโยง” กับ “ระบอบทักษิณ” ซึ่งมีฐานมวลชนอีกมากมาย จึงปฏิเสธที่จะมอบตัวและขัดขืนต่อต้านการจับกุม!!!!!
เมื่อมีการแก้ “พ.ร.บ.คณะสงฆ์” เพื่อสถาปนา “สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่” ก็ยังไม่รู้สึกว่านั่นคือสัญญาณที่ถูกส่งออกมาว่าถึงเวลาเอาจริงแล้ว เพราะเกราะที่คุ้มครองอยู่คือ “มหาเถรสมาคม” ได้ถูกทลายลงแล้ว!!
มาตรา 44 ติดตามมาก็ยังไม่สะกิดใจ ว่า “พายุใหญ่” จะติดตามมา “พระธัมมชโย” ก็ยังไม่สำนึก ยังให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายออกมาท้าทายกฎหมายอย่างไม่เกรงกลัว ความผิดทั้งหลายที่หมักหมมอยู่จึงถูกขุดผุดขึ้นมาดังดอกเห็ด แถมยังส่งผลให้ลูกศิษย์ลูกหาทั้งหลายทั้งที่เป็นฆราวาสและพระ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม “โดนคดี” กันระนาวรวมๆ กันแล้วถึงกว่า 350 คดี
ไม่เพียงเท่านั้นยังได้มีการเปลี่ยน “ผอ.สำนักพุทธฯ” จาก“นายพนม ศรศิลป์” คนที่อยู่ใต้อาณัติบัญชา กลับกลายมาเป็น“พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์”ผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร DSI ซึ่งเป็นนักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.สงฆ์ให้เป็นจริง ก็ยังไม่รู้สึกรู้สา!!!
จนมี “พระบรมราชโองการฯ” ถอดถอนสมณศักดิ์ “พระธัมมชโย”และ “พระทัตตชีโว”ก็คือ “การขุดหลุมฝัง” ว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!!!
วันนี้จะจับตัวได้หรือไม่ไม่ใช่สาระสำคัญปฏิบัติการ “สึกกลางอากาศ”ตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 21 ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในเร็ววันตามคำยืนยันของผอ.สำนักพุทธฯคนใหม่ว่าเรื่องนี้ได้เข้าสู่ที่ประชุม“มหาเถรสมาคม” แล้ว
จากนี้ไปทั้ง “วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกาย” จะต้องถูกสะสางชำระล้างความผิดทั้งทางกฎหมายและทางธรรมเพื่อนำ “ความถูกต้อง” กลับคืนมาและจะรวมความไปถึงการปฏิรูปคณะสงฆ์ไทยที่อยู่ภายใต้อิทธิพลครอบงำของ “ธรรมกาย” มาอย่างยาวนาน!!!
“ปัญญา” คือสิ่งที่นำมาซึ่งบุญและการพัฒนาของจิตไปสู่ความหลุดพ้น ไม่ใช่ความหลงใน “ฤทธิ์หรือความศักดิ์สิทธิ์วิเศษ” ของครูบาอาจารย์“กฎแห่งกรรม” เท่านั้นที่เป็นใหญ่ เมื่อถึงเวลา “วิบากกรรม” มาอย่าว่าแต่ลูกศิษย์ทั้งหลายเลยเพราะแม้แต่ตัว “พระอาจารย์ผู้ทรงฤทธิ์” ก็ยังมิอาจเอาตัวรอดได้เลย
เอวังของ “พระธัมมชโย” และ “ธรรมกาย” ในประเทศไทยจึงจบลงด้วยประการนี้ โปรดติดตามภาคต่อไป “พระธัมมชโย” และ “นิกายใหม่”ที่จะประกาศความยิ่งใหญ่ในต่างประเทศต่อไป!!!!
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,244 วันที่ 16 - 18 มีนาคม พ.ศ. 2560