ปัจจุบันการเลี้ยงนกนางแอ่นบก โดยสร้างบ้านให้นกอยู่เพื่อเก็บรังขายกลายเป็นอาชีพยอดฮิตของชาวบ้านในหลายพื้นที่ หนึ่งในนั้นบ้านนก(นางแอ่น)ของอ.สมพร ฮวดเลี้ยง ผู้อำนวยการโรงเรียนดอนสักผดึงวิทย์ ในต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎรานี ที่เจียดพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันประมาณ 5 ไร่เศษในการเนรมิตบ้านนก(นางแอ่น) หวังเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้หลังเกษียณ จากอาชีพรับราชการ โดยใช้วันหยุดสุดสัปดาห์เข้ามาดูแลทั้งบ้านนก(นางแอ่น)และสวนปาล์มน้ำมันและยังใช้เป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงวันหยุดอีกด้วย
อ.สมพร ฮวดเลี้ยง ผู้อำนวยการโรงเรียนดอนสักผดุงวิทย์ และเจ้าของบ้านนกนางแอ่นเผยถึงแนวคิดอยากจะการสร้างบ้านนกนางแอ่นเพื่อเก็บรังขายว่าเป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจและตั้งใจจะให้เป็นอาชีพสร้างรายได้หลังเกษียณควบคู่ไปกับรายได้จากการทำสวนปาล์มน้ำมันในปัจจุบัน เนื่องจากโดยส่วนตัวสนใจอยู่ก่อนแล้วและใช้เวลาอยู่หลายปีในการศึกษา หาความรู้ในช่องทางต่าง ๆ ทั้งในโลกโซเซียล สอบถามผู้รู้ ตลอดจนผู้มีประสบการณ์ในการเลี้ยงนกนางแอ่นบ้าน แล้วจึงนำมาทดลองทำอย่างจริงจังเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
“ปัจจุบันนี้ในตัวอำเภอดอนสักเองก็มีบ้านนกนางแอ่นอยู่หลายหลัง พอศึกษาแล้วก็น่าสนใจ เพราะไม่ได้รบกวนหน้าที่การงานที่เราปฏิบัติ พอดีมีบ้านพักอยู่ในสวนปาล์ม ค่อนข้างอยู่ห่างจากชุมชน และมีที่ว่างอยู่ส่วนหนึ่งไม่ใช้ประโยชน์อะไร ก็เลยคิดอยากจะสร้างบ้านเพื่อเลี้ยงนกนางแอ่น เริ่มจากสร้างเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ก่อนขยายเพิ่มหลังมีนกเข้ามาอยู่เพิ่มขึ้น โดยลงทุนสร้างบ้านให้นกพร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปแล้วประมาณล้านเศษ””เจ้าของบ้านนก(นางแอ่น)เผย
อ.สมพรอธิบายกระบวนการเลี้ยงว่า เริ่มจากความสนใจ จากนั้นก็การศึกษาความรู้ถึงวงจรชีวิตของมัน การจัดวางรูปแบบพื้นที่บ้านนกว่าจะต้องทำอย่างไร ที่เอื้อต่อระบบนิเวศทั้งในเรื่องอาหารและการป้องศัตรูนก โดยอาหารนั้นพื้นที่โดยรอบจะต้องเอื้อการสร้างแมลงเพื่อเป็นอาหารนกในระยะทางไม่เกิน 10 ตารางกิโลเมตร อีกทัง้เจ้าของจะต้องสร้างอาหารขึ้นมาเอง สำหรับในส่วนนี้ตนได้ปลูกมะเดื่อชุมพรเพื่อสร้างแมลงไว้ใกล้ ๆ บ้านเพื่อใช้เป็นอาหารสำรอง นอกจากนี้บ้านนกจะต้องอยู่ห่างไกลชุมชนพอสมควรเพื่อป้องกันการรบกวนจากเสียงนก แต่หัวใจสำคัญที่สุดคือทุน การลงทุนจะต้องเป็นเงินเย็น เพราะเป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปีกว่าจะได้ผลตอบแทนคืนจากรายได้การจำหน่ายรังนก ขณะเดียวกันอาจมีบางปัจจัยทำให้รายได้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เนื่องจากปริมาณนกที่เข้ามาอยู่อาศัยไม่เป็นไปตามเป้า
“กระบวนการเลี้ยงต้องเข้าใจองค์ประกอบของบ้านก่อน เช่นอุณหภูมิความชื้นในตัวบ้าน การควบคุมดูแลศัตรูนก ตัวหลักคือเหยี่ยวแล้วยังมีสัตว์อื่น ๆ เช่นพวกตุ๊กแก งูเขียว จิ้งจก ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้สัตว์เหล่านี้เข้ามาอยู่ในบ้านหรือใกล้ตัวบ้าน อย่างเหยี่ยวถือเป็นศัตรูนกตัวหลักเลย ฉะนั้นห้ามมีต้นใหญ่บริเวณบ้านโดยเด็ดขาด เพราะนกจะกลัว ไม่กล้าเข้ามาในบ้าน” อ.สมพรกล่าวและระบุว่า
จากประสบการณ์ที่ผ่านมานกจะสร้างรังปีละประมาณ 3 รอบต่อนก 1 คู่ ปัจจุบันมีนกเข้ามาทำรังประมาณ 400 คู่และจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี โดยบ้านนกหลังนี้สร้างมากว่า 2 ปีแล้ว เริ่มจากมีนก 10 คู่ จากนั้นก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในช่วง 1-2 ปีแรกจะยังไม่เก็บรัง เพราะต้องการเพิ่มจำนวนนกเพิ่ม เนื่องจากนกนางแอ่นจะใช้รังเดิมในการฟักไข่ออกมาเป็นลูกนก หากไปเก็บรังนกก็จะใช้เวลาสร้างรังขึ้นมาใหม่
“โดยปกติรังนกจะเก็บทุก 30-45 วันครั้ง จะเลือกรังที่ไม่มีลูกนกอยู่ ซึ่งหมายถึงว่าลูกนกได้เติบโตจนเป็นนกใหญ่แล้ว จะสังเกตว่ามีเปลือกไข่เก่าอยู่ แต่ถ้ารังที่มีลูกนกอยู่จะไม่เก็บเพื่อให้นกเจริญเติบโตต่อไป โดยจะสังเกตว่ารังจะเริ่มมีสีเหลือง ในช่วงฤดูฝนจะเป็นฤดูที่เก็บผลผลิตได้มากกว่าฤดูอื่น นกจะใช้จุดเดิมในการวางไข่ ไม่ว่าเราจะแทงไปกี่ครั้ง นกมันจำแม่นเป็นสัญชาตญาณพิเศษของเขา”ผอ.โรงเรียนดอนสักผดุงวิทยุเผย
อ.สมพรยังกล่าวถึงการตลาดว่ารังนกเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม โดยผลผลิตที่ได้จะจำหน่ายให้กับพ่อค้าและผู้ประกอบการแปรรูปรังนก ซึ่งพวกจะมารับซื้อถึงที่ สนในราคาเฉลี่ย 1.5 -2.0 หมื่นบาท/กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและความสวยงามของรัง โดยปกติน้ำหนัก 1 กิโลกรัมจะมีปริมาณรังนกเฉลี่ย 110-120 รัง ซึ่งน้ำหนักเฉลี่ยต่อรังจะน้อยกว่านางแอ่นทะเลหรือนางแอ่นถ้ำ และราคาก็ยังสูงกว่าเกือบเท่าตัว
“ปีนี้ที่เพิ่งจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เป็นปีแรก ได้มาเกือบ 10 กิโล เก็บมาแล้ว 2 รอง ๆ ละ 4 กิโลกว่า รอบละ 4 กิโลกว่า จากจำนวนนกทั้งหมดมีประมาณ 400 คู่หรือเกือบพันตัว ซึ่งปกติใน 1 ปีจะเก็บรังได้ประมาณ 3 รอบ ที่ทำบ้านนกตั้งใจจะเป็นอาชีพสร้างรายได้หลังเกษียณ”เจ้าของบ้านรังนกคนเดิมกล่าวย้ำ ผู้สนใจสอบถามกระบวนการเลี้ยงหรือเยี่ยมชมบ้านนกนางแอ่นโทร.08-1078-0151 อ.สมพร ฮวดเลี้ยง เจ้าของบ้าน ยินดีต้อนรับ
สำหรับความคืบหน้าการปลดล็อคเลี้ยงนกนางแอ่นกินรัง ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ครั้งที่ 2/2567 เห็นชอบตามที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช เสนอให้พิจารณาร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่กำหนดชนิดสัตว์ป่าคุ้มครองอนุญาตให้เก็บ ทำอันตราย หรือมีไว้ในครอบครอง รังนกแอ่นได้ 2 ชนิด ได้แก่ นกแอ่นกินรัง (Aerodramus fuciphagus หรือ Aerodramus germani) และนกแอ่นหางสี่เหลียม หรือ นกแอ่นรังดำ (Aerodramus maximus) เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในการใช้ประโยชน์ จากรังนกแอ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย