วาเลนไทน์ 67 ดอกกุหลาบจีน ทุบตลาด เกษตรกรไทยยอดขายร่วง

13 ก.พ. 2567 | 08:24 น.

ดอกกุหลาบ วาเลนไทน์ 2567 ราคาดิ่งเหวเหลือแค่ดอกละ 10-15 บาท เกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบบ้านบวกเต๋ย แหล่งใหญ่สุดของไทย ครวญถูกดอกกุหลาบนำเข้าจากจีนทุบ แถมหั่นราคาต่ำกว่ากุหลาบไทย คาดรายได้ภาพรวมหายกว่าร้อยละ 50 วอนรัฐบาลแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการซื้อขายกุหลาบในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ ที่บ้านบวกเต๋ย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกุหลาบขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ค่อนข้างเงียบเหงาและไม่คึกคักเมื่อเทียบกับปีก่อน 

นายฮั่ว แซ่วะ ประธานกลุ่มผู้ปลูกกุหลาบแปลงใหญ่บ้านบวกเต๋ย อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เทศกาลวาเลนไทน์ในปีนี้ไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากเกษตรผู้ปลูกกุหลาบไทยส่วนใหญ่จะประสบปัญหา ถูกกุหลาบจีนตีตลาดและกดราคาขายต่ำกว่า ทำให้ไม่สามารถทำราคาได้เท่ากับปีก่อน โดยปีนี้ ราคาขายกุหลาบเกรดเออยู่ที่ดอกละ 10 - 15 บาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับปีก่อนราคาขายจะอยู่ที่ดอกละ 20 - 30 บาท

วาเลนไทน์ 67 ดอกกุหลาบจีน ทุบตลาด เกษตรกรไทยยอดขายร่วง

ขณะที่ดอกกุหลาบคละไซส์ กำละ 25 ดอก ปีนี้ราคาถูกลงอย่างน่าใจหาย เหลือเพียงกำละ 100 บาท เมื่อเทียบกับปีก่อนราคากำละ 250 บาท จึงมีความเป็นไปได้ว่า ยอดขายของกุหลาบไทยในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นี้น่าจะหายไปกว่าร้อยละ 50 และต้องประสบกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก เพราะพ่อค้ากำหนดราคาขายจนทำลายระบบตลาดกุหลาบไทย อีกทั้งพ่อค้าแม่ค้าที่เคยรับซื้อก็หันไปซื้อกุหลาบจีนแทน เพราะราคาถูกกว่า 

สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกกุหลาบบ้านบวกเต๋ยนั้น แบ่งเป็นเกษตรผู้ปลูกกุหลาบแปลงใหญ่ ประมาณ 60 ราย และรายย่อยอีกกว่า 40 - 60 ราย โดยแต่ละรายจะมีรายได้เฉลี่ยต่ำสุดเดือนละ 30,000 บาท ขณะที่แต่ละปีจะมียอดขายกุหลาบหมุนเวียนเกือบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2567 พบว่า ตลาดกุหลาบไทยขยายตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าจะมีการส่งกุหลาบเข้าไปขายยังปากคลองตลาด หรือ ตลาดสี่มุมเมือง แต่ก็ไม่สามารถสู้กับตลาดกุหลาบจีนได้ และอีกปัญหาที่น่าเป็นห่วงในระยะยาวคือ กลุ่มทุนจีนเข้ามายึดตลาดกุหลาบไปแล้วกว่าร้อยละ 50 จึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาขาย ดังนั้น อยากวิงสอนให้รัฐบาลไทยเข้ามาดูปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้จีนนำเข้ากุหลาบได้อย่างเสรีแบบนี้

วาเลนไทน์ 67 ดอกกุหลาบจีน ทุบตลาด เกษตรกรไทยยอดขายร่วง

ด้านนายแสนสุข ลีธนบดี เจ้าของสวนกุหลาบล้านนา กล่าวว่า ปีนี้เกษตรกรต่างประสบปัญหาขาดทุน ต้องยอมขายในราคาต่ำ ไม่เช่นนั้นกุหลาบที่เตรียมไว้ขายในช่วงวาเลนไทน์ก็จะถูกทิ้ง ซึ่งยอมรับว่าพ่อค้าจีนกำหนดราคาขายต่ำจนทางผู้ปลูกกุหลาบไทยสู้ไม่ไหว เพราะต้องแบกค่าใช้จ่าย ค่าปุ๋ย ค่าแรงงาน ค่าขนส่ง อยากให้รัฐบาลเข้ามาส่งเสริมตลาดให้มากกว่านี้ หรือผลักดันให้กุหลาบไทยสามารถส่งออกได้ ไม่ใช่ขายเฉพาะในประเทศ เพราะตอนนี้ตลาดกุหลาบจีนมายึดตลาดกุหลาบไทยไปเกือบหมดแล้ว ทั้งที่คุณภาพกุหลาบไทยสวยแข็งแรงไม่ด้อยไปกว่ากัน