“ถูกกดราคา” ไร่มันเดือดหยุดขุด 15 วัน “สวัสดิ์ไพบูลย์ฯ” ผงาดแชมป์ส่งออก
ดันแก้ปัญหา “โรคใบด่างมันสำปะหลัง” เป็นวาระแห่งชาติ ชงเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย 4 พันล้าน ปลูกระบบนํ้าหยด 4 แสนไร่เพิ่มผลผลิต แกนนำเดือด ขอเกษตรกรหยุดขุด 15 วัน หลังถูกผู้ค้ากดราคาจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม วงการเปิดโผ ส่งออกปี 66 “สวัสดิ์ไพบูลย์การเกษตร” ทวงแชมป์คืนรอบ 4 ปี
ปี 2566 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งมันเส้น และมันอัดเม็ด รวม 4.5 ล้านตัน ขณะที่ยังมีสถานการณ์การระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง ทำให้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ล่าสุดกรมการค้าภายใน ได้เชิญภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมหารือในการแก้ปัญหาโรคใบด่างมันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 มีนายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุม
แหล่งข่าวจากผู้ส่งออกมันสำปะหลัง เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ไทยเคยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้สูงสุดกว่า 6 ล้านตัน แต่จากการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลัง ทำให้ผลผลิตเสียหายและไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งที่ตลาดโดยเฉพาะประเทศจีนมีความต้องการสูง ที่ประชุมจึงมีมติในการผลักดันการแก้ปัญหาการระบาดโรคใบด่างมันสำปะหลังทั้งประเทศให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อของบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ ดำเนินการใน 2 เรื่องคือ 1.ขยายท่อนพันธุ์ต้านทานโรค 1 ล้านลำ และ 2.ขยายพันธุ์ต้านทานโรคพื้นที่ 1 แสนไร่ ภายในปี 2568 นอกจากนี้ขอใช้เงินกู้ปลอดดอกเบี้ยจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร 4,000 ล้านบาท เพื่อช่วยชาวไร่มันปลูกมันระบบนํ้าหยด 4 แสนไร่
ข่าวเกี่ยวข้อง
ด้านนายรังษี ไผ่สอาด นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทยเผยว่า ราคารับซื้อหัวมันสด ณ โรงแป้ง ซื้อแป้ง 25% ณ วันที่ 17 มกราคม 2567 ปรับลดลง 10-20 สตางค์ต่อกิโลกรัม (กก.) จากวันก่อนหน้าราคาอยู่ที่ 3.50 บาท/กก. จึงขอส่งสัญญาณไปยังชาวไร่มันสำปะหลังทั่วประเทศ ให้หยุดขุดหัวมันสด ส่งเข้าลานมัน และโรงแป้งเป็นเวลา 15 วัน จากเห็นว่าผู้ส่งออกมันเส้นกดราคารับซื้อ ทั้งที่ราคามันเส้น และราคาแอลกอฮอล์ในจีน ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด
“ปีนี้ไม่ต้องกังวลว่าราคามันฯจะตกตํ่า เพราะหัวมันสดมีไม่เพียงพอ ดังนั้นขอให้หยุดขุดจนกว่าสมาคมจะสามารถต่อรองกับผู้ค้าเพื่อให้ได้ราคาที่เป็นธรรม และในสัปดาห์หน้าทางสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย จะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนการใช้ E20 เป็นพลังงาน และเพื่อส่งสัญญาณให้ประเทศจีนที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่ไม่กดราคามันเส้นไทย”
ขณะที่นายธีระ เอื้ออภิธร นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ราคาหัวมันสดที่ลานมันรับซื้ออาจจะปรับลดลงจริง จากราคาแอลกอฮอลล์ที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในจีนตํ่าลง ประกอบกับธัญพืชโลก ทั้งข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ราคาก็อ่อนตัวลงมา เช่นเดียวกันมันปะหลังก็อ่อนตัวลง โดยเฉพาะในส่วนของมันเส้น แต่โรงงานแป้งมันยังยืนราคารับซื้อหัวมันสดที่ 3.50 บาท/กก. ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์สูง จากก่อนหน้านี้เคยสูงสุด 4 บาท / กก.
“เวลานี้โรงแป้งภาคอีสานตอนล่างเดินเครื่องแค่ 60% ดังนั้นแนะนำเกษตรกรหากไปขายที่ไหนแล้วถูกกดราคา ก็เอาไปขายให้โรงอื่นที่ให้ราคาสูงกว่า หรือให้ชะลอการเก็บเกี่ยวไปก่อน” นายธีระ กล่าว
แหล่งข่าวจากผู้ส่งออกมันสำปะหลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยในปี 2566 ยังไปได้ดี แต่ในภาพรวมส่งออกได้ลดลงจากปี 2565 โดย 10 อันดับแรกผู้ส่งออก อันดับ 1 ได้แก่ บริษัท สวัสดิ์ไพบูลย์การเกษตร จำกัด (บจก.)ที่กลับมาทวงแชมป์ส่งออกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ส่งออกได้ 1.04 ล้านตัน อันดับ 2 แชมป์เก่า บจก.ทาปิโอกา อินเตอร์คอร์ปอเรชั่น 918,180 ตัน ส่วนอันดับ 3 และ 4 ยังไม่เปลี่ยนแปลง (กราฟิกประกอบ) ส่วนอันดับ 5-10 มีการเปลี่ยนแปลง โดยอันดับ 5 กลุ่มทรัพย์สถาพร (ขยับขึ้นมาจากอันดับ 8 ) ส่วนอันดับ 6 บจก.เยนเนอรัล มิลล์ คอร์ปอร์เรชั่น (ขยับขึ้นจากอันดับ 9) อันดับ 7 บจก.จี.เอส.ทาปิโอก้า อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต (ปี 2565 ไม่ติด 10 อันดับแรก)
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,959 วันที่ 21-24 มกราคม พ.ศ. 2567