นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากที่ดูตัวเลขการส่งออกช่วง 10 เดือนแรกของปี 2566 ของประเทศในภูมิภาคเอเชีย และอาเซียน การส่งออกไทยยังติดลบน้อยกว่าประเทศอื่น ซึ่งถือว่าไทยยังดีกว่าเพื่อนบ้าน โดยตัวเลขการส่งออกไทย -2.7%, สิงคโปร์ -9.2%, อินเดีย -5.4% , เวียดนาม -7.1%, เกาหลีใต้ -10%, ญี่ปุ่น -4.6% ,ไต้หวัน -12.9%, มาเลเซีย -11.1%, จีน -5.8 และอินโดนีเซีย -12.1%
สำหรับในปี 2567 สรท.คาดการณ์ส่งออกไทยจะขยายตัวได้ 1-2% จากปี 2566 คาดจะติดลบลบที่ -1.5% ถึง -1% โดยปัจจัยลบหรือปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการส่งออกของไทย มีทั้งเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลางและขยายตัวมากขึ้นดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเลแดงที่มีการยิงเรือบรรทุกสินค้า หากขยายวงจนถึงปิดขั้นปิดคลองสุเอซ ที่เป็นเส้นทางหลักที่ใช้ขนส่งสินค้าทางเรือจากเอเชียไปยุโรปจะมีผลต่อเศรษฐกิจของโลก และจะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอยู่แล้วในปัจจุบันให้ชะลอตวลงไปอีก นอกจากนี้ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศคู่ค้าเพราะไม่เช่นนั้นอาจส่งผลต่อการส่งออก
ส่วนปัจจัยในประเทศที่จะมีผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการไทยปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ เรื่องของค่าพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่จะปรับขึ้นเป็นมากกว่า 4 บาทต่อหน่วย จาก ณ ปัจจุบัน 3.99 บาทต่อหน่วย ค่าจ้างหรือค่าแรงขั้นต่ำที่จะปรับขึ้นในรอบใหม่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวน
“ถ้าถามว่ามีปัจจัยอะไรที่คอยสนับสนุนส่งออกในปีหน้า ผมก็ยังคิดว่าอาหารของเรา รวมถึงผลไม้ก็ยังเป็นซอฟพาวเวอร์ที่ดีของเราอันที่หนึ่งที่จะช่วยในเรื่องการส่งออก อันที่สองคือ เราก็เป็นแหล่งการผลิตของพวกรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ของโลกยังส่งออกได้ดีต่อเนื่อง และอันที่ 3 เรื่องของค่าเงินบาทยังอยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะสมสามารถแข่งขันได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตร”นายชัยชาญ กล่าว