ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

14 ต.ค. 2566 | 12:00 น.

เกษตรกร –ผู้ค้า ร้องระงม “หมู โคเนื้อ ไข่ไก่ มะพร้าว น้ำนมดิบ ” โคม่า ปัญหารุมเร้า ขาดทุนยับ ตลาดซบ “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1 แก้ภาคเกษตร

เมื่อวันที่ 11-12  กันยายน 2566 ที่ผ่าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงนโยบายบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล  มีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว ในขณะที่ปัญหาภาคเกษตร รอบ 1 เดือน มี “เผือกร้อน” อะไรบ้าง ที่นับวันรอการแก้ปัญหา  “ฐานเศรษฐกิจ” ได้ประมวลปัญหา ดังนี้

 

โคเนื้อร้องแบกขาดทุน อาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น

 

รศ.ดร.สมิต ยิ้มมงคล รักษาการนายกสมาคมโคเนื้อพันธุ์กำแพงแสน  กล่าวว่า  เรื่อง การแก้ปัญหาราคาโคเนื้อตกต่ำ ปัจจุบันประเทศไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อจำนวน 1,400,000 คน มีจำนวนโคเนื้อมากกว่า 9,500,000 ตัว  ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ราคาโคเนื้อตกต่ำประกอบกับราคาอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อประสบปัญหาการขาดทุน สมาคมโคเนื้อพันธุ์กำแพงแสน จึงขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้

 

1. ชะลอการนำเข้าโคและกวดขันการลักลอบนำเข้าโคเนื้อจากประเทศพม่า เนื่องจากสถานการณ์การผลิต โคเนื้อในปัจจุบันเกินกว่าความต้องการบริโภคของประชากรในประเทศ และโคที่นำเข้าจากประเทศพม่าเป็นพาหะใน การก่อโรคลัมปีสกินและโรคปากเท้าเปื่อย

 

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

 

2. กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเจรจาการจำหน่ายโคเนื้อ เนื้อโคและผลิตภัณฑ์ไปต่างประเทศ

3. กรมปศุสัตว์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงโคเนื้อ ทั้งในประเทศและการส่งออกไปต่างประเทศ

4. กรมปศุสัตว์ควบคุมป้องกันโรคปากเท้าเปื่อยและ ลัมปีสกิน โดยเคร่งครัด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโคลักลอบ นำเข้าจากประเทศเมียนมา

 

5. กรมปศุสัตว์กวดขันจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าเนื้อโคจากต่างประเทศโดยเคร่งครัดและต่อเนื่อง

 

6. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควรมีมาตรการในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาโคมีชีวิต เนื่องจากเกษตรกรมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ราคาขายโคมีชีวิตกลับลดลงแต่ ราคาจำหน่ายเนื้อโคยังคงที่ ซึ่งทำให้เกษตรกรขาดทุนจากการเลี้ยงโคเนื้อ

 

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

 ผู้เลี้ยงหมู นัดบุก “กรมปศุสัตว์” 19 ต.ค.

จากประเด็นความเดือดร้อนปัจจุบันของเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจทั้งประเทศ ภาคปศุสัตว์เศรษฐกิจรายย่อยทั่วประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้มีการเลิกเลี้ยงสัตว์ และมีแนวโน้มการเลิกเลี้ยงจากการไม่สามารถประกอบอาชีพต่อได้ สร้างความเสียหายมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านบาทต่อวงการปศุสัตว์

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

อาทิ ละเลยให้มีการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน เนื้อ โคเถื่อน เข้ามาทำลายระบบเศรษฐกิจของเกษตรผู้ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์ที่มีบทบาทต่อ เศรษฐกิจฐานราก ภาคปศุสัตว์เศรษฐกิจรายย่อยทั่วประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้มีการเลิกเลี้ยงสัตว์ด้วยมีหนี้สินภาคครัวเรือนลันตัว ล้มละลายจนไม่สามารถประกอบอาชีพต่อไปได้ สร้างความเสียหายมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทต่อวงการปศุสัตว์ เพื่อเรียกความเชื่อมั่น ความหวัง และขวัญกำลังใจให้เกิดแก่เกษตรกร เกษตรกรภาคปศุสัตว์เศรษฐกิจรายย่อยทั่วประเทศไทย จึงรวมกลุ่ม นัดรวมพลังที่กรมปศุสัตว์ วันที่ 19 ตุลาคม 2566

 

อัพเดทส่งออกชายแดน

ปัจจุบันมีส่งออกไปในช่องทางด่านแม่สอด เข้าเมียนมาและช่องทางด่านเชียงแสน เข้าเมียนมาโดยเฉลี่ยวันละ ประมาณ 200 ตัว ราคาที่ส่งออกไปค่อนข้างต่ำกว่าในประเทศพอสมควร แต่เนื่องจากลูกค้าปลายทางต้องการหมูไซส์ใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ย 135-140 กก++ซึ่งเป็นหมูที่ตลาดในประเทศใช้น้อย จึงเป็นเสมือนการตัดส่วนเกินของตลาดออกไป

 

ปัญหาและอุปสรรค

1.ค่าใช้จ่ายในการส่งออกค่อนข้างสูง ความเสี่ยงมีสูงมาก กำไรน้อย โบรกเกอร์ ไม่กล้าเสี่ยงมาก เพราะราคามีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา  ดังนั้น ข้อเสนอแนะ ภาครัฐและสมาคม ควรออกมาตรการกำหนดราคาขายที่แน่นอน และกำหนดโควต้าให้แต่ละฟาร์มส่งออกตามจำนวนที่ได้กำหนดกัน และบริการโบรกเกอร์ส่งออกให้มีความคล่องตัวและรวดเร็ว ลดค่าบริการที่ไม่จำเป็นลง

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

2.การส่งตัวอย่างเพื่อตรวจโรค ต้องใช้เวลานานหลายวันเพื่อออกผลเลป (3-7 วันทำการ)ลูกค้าปลายทางไม่ได้รอเรา ความต้องการของเขาแจ้งล่วงหน้าเพื่อส่งมอบสินค้าให้ได้ภายใน2-3 วัน เขาต้องได้หมูไปขาย และยิ่งรอนาน ราคาที่ไม่แน่นอน เขาไม่รอเสี่ยง

 

ข้อเสนอแนะ การตรวจโรคให้เร็วขึ้น ไม่ควรเกิน 2 วันทำการต้องออกผลเลปให้ฟาร์ม และช่วยพิจารณาโรคและสารเร่งเนื้อแดง บางอย่างไม่ต้องตรวจได้หรือไม่ ตรวจเฉพาะโรคที่สำคัญและจำเป็น จะได้กระชับเวลาเพื่อความรวดเร็วในการส่งออก

 

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

 

3.ค่าตรวจ 3 โรค กับอีก 1 สารเร่งเนื้อแดง ค่าใช้จ่ายสูงมาก(1,900/1ตัวอย่าง)

ข้อเสนอแนะ ค่าใช้จ่ายตรงนี้รัฐควรบริการฟาร์มและหรือสมาคมควรช่วยเหลือฟาร์ม เพื่อไม่เพิ่มต้นทุนให้กับฟาร์มอีก ในเมื่อฟาร์มขายก็ขาดทุนอยู่แล้วดังนั้นการส่งออกจะให้คล่องตัวและออกได้มากขึ้น ต้องร่วมแรงกันหลายฝ่าย อาทิเช่น กรมปศุสัตว์-ศุลกากร-สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ-ฟาร์ม/ผู้ประกอบการ จริงจังในการแก้ไขปัญหาเรื่องของค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการส่งออก

 

ฉงนขายออนไลน์ดัมพ์ราคา 20-30 บาท/กก.

นอกจากนี้ยังได้ผลกระทบจากการซื้อขาย-สุกร ชำแหละผ่านระบบออนไลน์ด้วยราคาต่ำกว่าโครงสร้างต้นทุนการผลิตสุกรมีชีวิตมากกว่า 20-30 บาทต่อกิโลกรัม จึงขอให้กรมปศุสัตว์เข้มงวด ไม่แน่ใจว่าในระบบออนไลน์ดำเนินการตามขั้นตอนได้ขออนุญาตรับรองหรือไม่ เช่น โรงฆ่าสัตว์ และการรับรองจำหน่ายเนื้อสัตว์ตามที่กรมปศุสัตว์ได้กำหนดหรือไม่ เป็นต้น

 

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

 

ด้านผู้เลี้ยงภาคเหนือ ได้แจ้งว่า มีบริษัทเอกชน 2 ราย ได้ขออนุญาตก่อสร้างฟาร์มหมูที่ตำบล ภูกามยาว จังหวัดพะเยา เพื่อเลี้ยงให้กับ 2 บริษัทใหม่ จำนวนแม่พันธุ์ของทั้ง 2 บริษัท รวมกันประมาณ 4 พันธุ์แม่ ทั้งที่ปัจจุบันเวลานี้จำนวนสุกร ล้นตลาด และราคาตกต่ำ จึงเป็นห่วงว่าถ้ามีการเลี้ยงที่เพิ่มขึ้น ราคาอาจจะตกต่ำไปอีกนาน ทำให้เกษตรกรรายกลาง รายเล็กจบอาชีพการเลี้ยงได้ จึงอยากจะขอให้กรมปศุสัตว์ชะลอใบอนุญาตการขึ้นฟาร์มสุกรของทั้งสองบริษัทนี้ เพื่ออนาคตให้เกษตรกรรายกลาง รายเล็ก จะได้มีอาชีพที่ยั่งยืน

 

  ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

 

 

“มะพร้าว” ตั้งกองทุนผ้าป่ากำจัดหนอนหัวดำ

 

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

นายพงษ์ศักดิ์ บุตรรักษ์ ผู้ประสานงานกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์  เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”  ในเรื่อง  การแก้ไขปัญหาการระบาดของหนอนหัวดำในมะพร้าว  ซึ่งเป็นศัตรูสำคัญของ “มะพร้าว” ซึ่งเป็นเป็นพืชที่มีความสำคัญมาก ใช้ประ โยชน์ได้ทุกส่วนสร้างเศรษฐกิจให้กับชุมชน วันนี้ได้มีการระบาคของหนอนหัวดำเป็นพื้นที่ ขนาดกว้างประมาณ 40 ไร่ในพื้นที่ หมู่ 6 ตำบล ธงชัย ห่างจากศาลาหมู่บ้านหมู่ที่ 6ไป 100 เมตร จึงได้มีการประสานเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เจ้าของแปลงมะพร้าวที่ระบาคและพื้นที่ระบาคที่อื่นในบางสะพานเพื่อมาลงแปลงระบาคจริงให้ความรู้และหาทางป้องกันและรักษาให้ถูกต้องและเป็นการควบคุมไม่ให้ระบาดขยายไปยังตำบลพื้นที่อื่นๆ

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

ผลจากการประชุมทั้งเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าว หน่วยราชการต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า จะตั้งกองทุนผ้าป่าเพื่อจัดการซื้อยา วัสดุ ป้องกันรักษามะพร้าว ศัตรูมะพร้าว จะเริ่มนำร่องแปลงที่ระบาดก่อน โดยมีการสำรองเงินซื้อยาอุปกรณ์ไปก่อน โดยไม่ได้รองบประมาณจากรัฐบาล เพราะงบที่ได้จากส่วนกลางล่าช้า เพราะการขยายของหนอนหัวดำเร็วมาก และชาวบ้านที่เป็นเจ้าของแปลงก็มีความรู้ไม่เพียงพอ จึงต้องให้หน่วยราชการเข้าไปอบรม ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ท้องถิ่นลุย และในโอกาสต่อไปจะเชิญผู้บริหารจากกระทรวงมารับฟัง หลังจากเกษตรกรได้ส่งสัญญาณไปว่าจะมีการระบาด ก็ไม่เชื่อ จนทำให้เป็นปัญหาลุกลามมาจนถึงทุกวันนี้ ก็ต้องให้มีบทลงโทษด้วย

 

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

 

นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า “มะพร้าว” ไม่ควรที่จะมีการกะเทาะนอกโรงงาน ควรจะมีมาตรการควบคุม แต่กลับกลายเป็นว่าโรงงานนำเข้ามะพร้าว ให้ไปกะเทาะนอกโรงงาน  ถ้าใครไม่ปฏิบัติตามจะถูกขู่เลิกโควตา หรือจำกัดการรับสินค้า ทำให้พื้นที่เกิดการโรคอยู่ใกล้กับมะพร้าวที่นำเข้าจากต่างประเทศ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาพัก/เพิกถอนการขึ้นทะเบียนเป็นผู้นำเข้าด้วย ที่สำคัญหากมีการระบาดเพิ่มขึ้น โรงงานกะทิก็จะฉวยโอกาสขอนำเข้าเพิ่มอีก ซึ่งชาวสวนโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ดังนั้นพวกเราชาวสวนมะพร้าว ต้องทำทุกวิถีทางปกป้องไม่ให้ล่มสลาย จึงต้องทำทุกวิถีทาง เรื่องดังกล่าวทั้งหมดนี้ได้ข่าวจากพรรคการเมืองแจ้งมาว่า ทาง ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะมารับปัญหาด้วยตนเอง ในเร็วๆ นี้

 

ลุ้น 16 ต.ค. ครม.ไฟเขียว ปรับราคาน้ำนมดิบ

 

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1
 

นายนัยฤทธิ์ จำเล ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และประธานชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด  กล่าวว่า  จากปัญหาความเดือดร้อน รัฐบาลก่อนหน้านี้ได้มีพิจารณาปรับขึ้นราคากลางรับซื้อน้ำนมดิบเป็นการเร่งด่วน เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ต้นทุนการเลี้ยงโดนมในปัจจุบัน เนื่องจากในปัจจุบันจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพบว่าสถานการณ์ดันทุนการเลี้ยงโคนมมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจนทำให้เกษตรกรจำนวนมากประสบกับความเดือดร้อน

 

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรที่ทำโคนมขนาดเล็ก ที่เผชิญกับการขาดทุนจากการเลี้ยงโคนม รายได้ถดลงและไม่เพียงพอในการดำรงชีวิต เกษตรกรจำนวนมากต้องเลิกอาชีพการเลี้ยงโคนมและไปประกอบอาชีพอื่น ๆ แทน ความละเอียดทราบแล้วนั้นโดยทางรัฐบาล  ผ่านนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับปากว่า วันที่ 16 ตุลาคมนี้ จะนำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)  ก็นับว่าเป็นข่าวดีที่ชาวโคนมทุกทั้งประเทศตั้งใจรอคอย

 

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

อนึ่ง คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือมิลค์บอร์ด ได้มีมติเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ความเห็นชอบปรับขึ้นราคากลางรับซื้อน้ำนมดิบหน้าศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบจากเดิมกิโลกรัมละ 19 บาท เป็น 21.25 บาท และเห็นชอบในการปรับราคากลางในการรับซื้อน้ำนมดิบ หน้าโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม จากเดิม กิโลกรัมละ 20.50 บาท เป็นกิโลกรัมละ 22.75 บาท  เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ขณะนี้ล่วงระยะเวลามานานแล้ว รวมทั้งได้มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพื่อพิจารณาปรับราคากลาง

 

กินเจฟีเวอร์ ทุบตลาดไข่ไก่ซบ

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

นายสุธาศิน อมฤก นายกสมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย กล่าวว่า วันนี้เทศกาลเจ เริ่มรับประทานกันเป็นวันแรกนั้น ตลาดค้าไข่ไก่เงียบเหงา เพราะกระแสมาแรง เห่อรับประทานอาจจะราวอยู่ 1 สัปดาห์ หรือ 7 วัน จากนั้นก็ต้องมาดูว่าสถานการณ์ตลาดไข่ไก่จะกลับมาดีดังเดิมหรือไม่ แต่สัญญาณไม่มีบวกเลย เพราะจากการประมวลผลในส่วนของผู้ค้า

ปัญหาเกษตร “เผือกร้อน” วัดฝีมือรัฐบาลเศรษฐา 1

 

"นอกจากนี้ทางสมาคมได้มีการระดมพลไม่ต่ำกว่า 100 คน เพื่อเดินไปทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้ยกเลิกใบเคลื่อนย้ายไข่ไก่เพื่อบริโภค เนื่องจากในสภาพการทำงานจริงของการค้าขาย ผู้ขายไม่ทราบล่วงหน้าว่าลูกค้าต้องการสินค้าวันไหน เมื่อลูกค้ามีความต้องการสินค้า ผู้ค้าไข่ต้องรีบจัดส่งมาให้ทันตาม วัน เวลาที่ลูกค้าต้องการ และการขนส่งไข่ไก่สด เกิน 20,000 ฟอง จำเป็นต้องขอใบอนุญาตกรมปศุสัตว์ ส่วนจะเป็นวันไหนกำลังสรุปวันกันอยู่"

 

ราคาไข่ไก่ วันนี้ (14 ต.ค.66)  ร้าน หจก.สองสหายฟาร์ม  สาขา หนอกจอก

 

อย่างไรก็ตามนายสุธาศิน กล่าวว่า  ปัญหาใบเคลื่อนย้าย หากตรงกับวันหยุดราชการ ผู้ค้าไข่ไม่สามารถขอใบเคลื่อนย้ายได้ หากขนส่งไม่มีใบเคลื่อนย้ายก็มีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกเจ้าหน้าที่รัฐจับกุมได้ อีกทั้งผู้ค้าไข่ไก่ไม่ได้ซื้อมาจากฟาร์มเดียว ซึ่งกรมปศุสัตว์จะมาอ้างว่าเพื่อตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อไปถึงผู้บริโภคไม่ได้ เป็นแค่การตรวจจากฟาร์มถึงล้งไข่ เท่านั้น ซึ่งไม่มีประโยชน์กับผู้บริโภคเลย และ ล่าสุดจะให้ผู้ค้าออกใบเคลื่อนย้าย ไข่เป็ดอีกด้วย  ยืนยันตรงนี้ไม่ใช้หน้าที่ของผู้ค้า

 

ราคา สาขามีนบุรี