เกษตร แปลงใหญ่ “พี่ต่อ” ปั้นเกษตรไทย ไปเกษตรโลก

26 ต.ค. 2565 | 05:45 น.

"พี่ต่อ" ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน หนุนเกษตรกร ในโครงการ เกษตร แปลงใหญ่ เชื่อมโยงตลาด เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร มุ่งพาเกษตรชาวบ้าน สู่ธุรกิจเกษตร "เกษตรไทย ไปเกษตรโลก"

เฟซบุ๊ก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์  โพสต์ระบุว่า "ผมและกระทรวงเกษตรฯ เป็นกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรทุกคน และพร้อมยืนเคียงข้างท่าน ให้ผ่านพ้นอุปสรรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อช่วยยกระดับรายได้สูงที่สุดให้เกษตรกร เพราะเมื่อเกษตรกรเข้มแข็ง ร่ำรวย ประเทศไทยก็เข้มแข็งและร่ำรวยไปด้วยกัน"

 

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญกับนโยบาย ตลาดนำการผลิต จึงสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ เพื่อให้สามารถควบคุมผลผลิตและราคาได้ โดยเชื่อมั่นว่าแนวทางของโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาดได้เดินมาถูกทางแล้ว เพราะสร้างประโยชน์โดยตรงแก่เกษตรกร คือ ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมากขึ้น ช่วยให้เกษตรกรเรียนรู้และวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ช่วยลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรสามารถกำหนดชนิดผลผลิตได้ และภาครัฐสามารถช่วยกำหนดตลาดล่วงหน้าให้ได้

 

โครงนี้ริเริ่มมาเพื่อเร่งขยายพื้นที่เกษตร ทำการวิเคราะห์เชิงลึกต่อความต้องการของกลุ่มสมาชิก เพื่อจัดทำแผนธุรกิจและรูปแบบการทอดองค์ความรู้ เน้นด้านการลดต้นทุน การพัฒนาศักยภาพเกษตรกรสู่ Smart Farmer และการเชื่อมโยงการตลาด   ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2559 มีผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ

1) ลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร

 

2) การเพิ่มผลผลิตสินค้าเกษตร

 

3) เกษตรกรได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตร และ

 

4)การเชื่อมโยงการตลาด เช่น ตลาดข้อตกลงล่วงหน้า ร่วมห้างร้านภาคเอกชนเทสโก้โลตัส แม็คโคร บิ๊กซี และเซ็นทรัล รวมถึงตลาดรับซื้อทั่วไป โรงงานแปรรูป และตลาดออนไลน์

 

เพื่อเป็นการยกระดับโครงการเกษตรแปลงใหญ่ ด้วยเกษตรทันสมัยและเชื่อมโยงตลาดทุกรูปแบบ ตามแนวคิดการตลาดนำการผลิต เพื่อให้สอดรับกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งให้ความสำคัญกับการผลิตที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันการแปรรูปเกษตรมูลค่าสูง ใช้การตลาดสมัยใหม่ เพื่อให้ไทยเป็น 1 ใน 7 ประเทศสำคัญของผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูงของโลก ภายในปี 2580

 

ปัจจุบัน โครงการนี้ขยายไปในทั่วพื้นที่ ทุกจังหวัดในประเทศ อาทิเช่น  กลุ่มแปลงใหญ่สับปะรด ม.11 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์, กลุ่มแปลงใหญ่ข้าว ม.5 ต.โพนเมืองน้อย อ.หัวตะพาน จ.อำนาญเจริญ, กลุ่มแปลงใหญ่ลำไย ม.4 ต.หนองตอง อ.หนองตอง จ.เชียงใหม่, กลุ่มแปลงใหญ่มังคุด ต.ลำภี จ.พังงา และจังหวัดอื่นๆ อีกมากมาย

 

 เป็นการสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรรายย่อยทั้งด้านการผลิตและการจำหน่าย การรวมกลุ่มกันจะสร้างอำนาจต่อรองให้เกษตรกร โดยไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การเอาเปรียบจากคู่ค้าใดๆ และมีโอกาสในการขยายตลาดไปช่องทางต่างๆได้มากขึ้น รวมถึงตลาดต่างประเทศด้วย