นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ติดตามความคืบหน้าและผลักดันโครงการฯ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทางอากาศ ในจังหวัดบึงกาฬ สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อีกทั้งยังสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวและเชื่อมโยงจากทะเลจีนใต้ (เวียดนาม - สปป.ลาว - ไทย - เมียนมา) ออกสู่มหาสมุทรอินเดีย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ
นายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน หรือ ทย.กล่าวว่า โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบึงกาฬ จังหวัด
บึงกาฬ ได้เริ่มโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้าง คัดเลือกตำแหน่งที่ตั้งของท่าอากาศยานที่เหมาะสม เมื่อปี 2564
ต่อมาในปี 2566 ได้ดำเนินการออกแบบรายละเอียดอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่และเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งได้ส่งข้อชี้แจงรายงานผลกระทบฯ ครั้งที่ 3 ไปแล้ว
ทั้งมีการประชุมเพื่อพิจารณารายงานฯ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 หากแล้วเสร็จ จะเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอ ครม. เพื่ออนุมัติเพื่อดำเนินโครงการในขั้นตอนต่อไป
อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการศึกษาความเป็นไปได้ โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ มีที่ตั้งที่เหมาะสมของโครงการในตำบลโป่งเปือย อำเภอโซ่พิสัย และตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬ และสะพานมิตรภาพ ไทย - ลาว แห่งที่ 5 ประมาณ 12 กิโลเมตร
ห่างจากท่าอากาศยานโดยรอบจังหวัดบึงกาฬทั้ง 3 แห่ง ได้แก่
โดยมีพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน แบ่งเป็นพื้นที่ landside (พื้นที่ส่วนที่ไม่ใช่เขตการบิน) 2,542 ไร่ และพื้นที่ airside (เขตการบิน) 1,858 ไร่ มีมูลค่าโครงการทั้งหมดรวม 8,196 ล้านบาท
คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินในปี 2575 จะมีจำนวนผู้โดยสาร 149,172 คน/ปี จำนวนเที่ยวบิน 1,244 เที่ยว/ปี เฉลี่ย 4 เที่ยวบิน/วัน ในส่วนด้านความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ
ผลการศึกษาพบว่า โครงการมีอัตราตอบแทนทางเศรษฐกิจ (Economic Internal Rate of Return : EIRR) เท่ากับ 12.66 % และมีอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน (Benefit–Cost Ratio : B/C) เท่ากับ 1.07
สรุปได้ว่าโครงการมีความเหมาะสมในการดำเนินงาน ทั้งนี้ กรมท่าอากาศยานคาดการณ์ว่าหากโครงการได้รับการอนุมัติ จะสามารถเริ่มก่อสร้างโครงการฯในปี 2572 และเปิดใช้งานท่าอากาศยานในปี 2575