วันนี้(วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568) บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ผู้ถือหุ้นใหญ่ในสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย (TAA) รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568 AAV มีรายได้จากการขายเเละให้บริการรวม 9,276 ล้านบาท ลดลง 15 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยสาเหตุหลักจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง 3 % ราคาค่าโดยสารเฉลี่ยที่ปรับลดลง 12 % มาอยู่ที่ 1,633 บาท และเป็นนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของอุตสาหกรรมการบิน
ในขณะที่ต้นทุนการขายและบริการลดลง 2 % จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับประสิทธิภาพในการบริหารและควบคุมต้นทุนที่ดี แม้มีการให้บริการเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ต้นทุนต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร ("CASK") ลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่งผลให้บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 361 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ (875) ล้านบาท
โดยหากไม่รวมผลกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานหลัก (1,238) ล้านบาท เทียบกับกำไรจากการดำเนินงานหลัก 57 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาสนี้ไทยแอร์เอเชีย ให้บริการเที่ยวบินรวม 5.93 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้น 9% โดยแบ่งเป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 3.90 ล้านที่นั่ง เพิ่มขึ้น 19 % และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 2.03 ล้านที่นั่ง ลดลง 6 %
โดยมีจำนวนผู้โดยสารรวม 4.73 ล้านคน ลดลง 3 % และมีอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (load factor) เฉลี่ยที่ 80 % ณ สิ้นไตรมาสมีฝูงบินรวม 62 ลำ โดยใช้เครื่องปฏิบัติการบิน 54 ลำ
สรุปผลประกอบการรอบ 9 เดือนของปี 2568 AAV มีรายได้จากการขายและให้บริการ 32,322 ล้านบาท ลดลง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยให้บริการ 18.24 ล้านที่นั่ง และมีอัตราขนส่งผู้โดยสาร 83% ลดลงจาก 91% ในช่วง 9 เดือนของปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงภาพรวมการท่องเที่ยวที่ชะลอลง
บริษัทรายงาน EBITDA อยู่ที่ 4,349 ล้านบาท ลดลง 36 % และยังคงมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 727 ล้านบาท ลดลง 77 % ทั้งนี้ หากไม่รวมกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานหลัก (785) ล้านบาท ปรับลงจากกำไรจากการดำเนินงานหลัก 1,552 ล้านบาท ที่รายงานในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ AAV และ TAA กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาสนี้สะท้อนฤดูกาลและภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่เรายังคงบริหารต้นทุนอย่างเข้มงวด พร้อมเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารเส้นทางบินและฝูงบิน เพื่อให้พร้อมรับดีมานด์ที่คาดว่าจะกลับมาแข็งแรงในช่วงปลายปี ทั้งตลาดในประเทศและตลาดระหว่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่นที่ได้รับอานิสงค์ค่าเงินเยนอ่อน รวมถึงอินเดียซึ่งปีนี้มีแนวโน้มที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง”
ในไตรมาส 3 เรายังคงทำได้ดีในตลาดในประเทศ ไทยแอร์เอเชียเพิ่มจำนวนที่นั่งที่ให้บริการภายในประเทศ 19 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อตอบรับความต้องการเดินทางที่ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง
โดยระหว่างไตรมาสได้เปิดเส้นทางใหม่จากสุวรรณภูมิไปยังบุรีรัมย์ นราธิวาส และสุราษฎร์ธานี ส่งผลให้ตลาดภายในประเทศโดยรวมมีอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 82% โดยยังคงรักษาส่วนเเบ่งตลาดอยู่ที่ 39% ”
สำหรับตลาดระหว่างประเทศ เส้นทางใน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และสิทธิเสรีภาพที่ห้า (Fifth-Freedom) ยังได้รับการตอบรับที่ดี โดยเส้นทางที่ได้รับความนิยมสูงคือเส้นทางไทเป–โอกินาวา
ในขณะที่ตลาดจีน TAA ได้ปรับลดที่นั่งให้บริการลงในไตรมาสนี้ 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยลดลง และรักษาอัตราการขนส่งผู้โดยสารให้อยู่ในระดับ 80–85 %
ส่วนตลาดอินเดียยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดย TAA ได้เพิ่มที่นั่ง 17 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมพัฒนาบริการใหม่ๆ เช่น การจำหน่ายบัตรโดยสารพร้อมน้ำหนักกระเป๋าให้ตรงกับความต้องการของผู้โดยสารอินเดียมากขึ้น
อย่างไรก็ตามภาพรวมของไทยในไตรมาส 3 ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยลดลง 13 % อยู่ที่ 7.43 ล้านคน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นเเละข่าวความขัดแย้งระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
โดยนักท่องเที่ยวจากจีนยังลดลงสูงถึง 37% อยู่ที่ 1.15 ล้านคน และนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียใต้และยุโรปยังเติบโตดี เพิ่มขึ้น 17% และ 8% ตามลำดับ
ทั้งนี้บริษัทเชื่อมั่นผลการดำเนินงานจะดีขึ้นในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณการเดินทางสูง โดยเราเพิ่มโอกาสในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านบริการต่อเที่ยวบิน Fly Thru เชื่อมเส้นทางต่างประเทศสู่ปลายทางในประเทศทุกภูมิภาคมากขึ้น
นอกจากนี้ได้รับเเรงเสริมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวจากภาครัฐ เช่น โครงการเที่ยวดีมีคืน มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวสิทธิลดหย่อนภาษีจากค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวในประเทศ โครงการคนละครึ่งพลัส กระตุ้นการใช้จ่าย ที่จะช่วยสนับสนุนความต้องการเดินทางภายในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ จากการปรับโครงสร้างของกลุ่มแอร์เอเชียสำนักงานใหญ่ในประเทศมาเลเซีย บริษัทประเมินว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของไทยแอร์เอเชีย ซึ่งยังคงให้บริการเที่ยวบินและดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทสัญชาติไทยตามปกติ โดยผู้ลงทุนและผู้สนใจควรติดตามข้อมูลจากการเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นหลักหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม