สรุป 'สหรัฐชัตดาวน์' 40 วัน กระทบธุรกิจบินไทย ฉุดการบิน-ท่องเที่ยวมะกันอ่วม

13 พ.ย. 2568 | 02:06 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ย. 2568 | 02:23 น.

สรุปสหรัฐชัตดาวน์เดือนกว่ากระทบแผนขยายธุรกิจสายการบินของไทย ทำแผนส่งมอบเครื่องบินโบอิ้ง 737-8 ของไทยเวียตเจ็ทล่าช้า ทำแผนสยายปีกบินรวน ขณะที่อุตสาหกรรมการบินของมะกันอ่วมหนักจากเที่ยวบินยกเลิก-ล่าช้า ด้านสมาคมการท่องเที่ยวสหรัฐฯ คาดความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์

ขณะนี้แม้วุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ลงมติผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว จนถึงวันที่ 30 มกราคมปีหน้า เพื่อปูทางให้หน่วยงานรัฐบาลกลางกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง หลัง "ชัตดาวน์" ยืดเยื้อนานกว่า 40 วัน หลังจากสภาคองเกรสและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นงบประมาณ โดยเฉพาะข้อเรียกร้องด้านงบสาธารณสุขของพรรคเดโมแครต

เหตุการณ์ สหรัฐชัตดาวน์ นี้ถือเป็นการชัตดาวน์ครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี เป็นการชัตดาวน์ยาวนานที่สุดของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานภาครัฐต้องหยุดงาน ทั้งยังส่งผลต่อ ระบบการบินทั่วสหรัฐอเมริกาที่มีความโกลาหล ผลกระทบจากชัตดาวน์ที่เกิดขึ้นกว่า 40 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่เมื่อค่ำวันที่ 30 กันยายน 2568 ไม่ได้กระทบแค่ธุรกิจการบินในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจสายการบินของไทยด้วย 

นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ (ไทยเวียตเจ็ท) เผยว่า แผนการรับมอบเครื่องบินของสายการบินต้องเผชิญกับความล่าช้าเพิ่มเติม อันเป็นผลมาจาก การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ (U.S. Government Shutdown) ซึ่งส่งผลให้กระบวนการส่งมอบเครื่องบินรุ่นใหม่โบอิ้ง 737-8 ล่าช้า

ทั้งนี้ตามกลยุทธ์การเติบโตเชิงรุกในปี 2568–2571 ของสายการบิน มีแผนจะผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินและการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ผ่านการขยายฝูงบิน เพิ่มเครือข่ายเส้นทางบิน ลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน พร้อมยกระดับประสบการณ์ผู้โดยสาร

ตามแผนไทยเวียตเจ็ท มีแผนรับมอบเครื่องบินใหม่โบอิ้ง 737-8 (737 MAX 8) เพิ่มอีก 50 ลำ ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไปเพื่อรองรับการเปิดเส้นทางการบินใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเชื่อมต่อเมืองหลัก–เมืองรองในไทยกับเมืองสำคัญทั่วเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนาม และแม้การรับมอบเครื่องบินอาจจะล่าช้าไป แต่สายการบินยังคงคาดว่าจะได้รับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 8 จำนวน 2 ลำ ภายในเดือนพฤศจิกายน 2568 และพร้อมให้บริการก่อนสิ้นปีนี้

ผลกระทบ "สหรัฐชัตดาวน์"

นอกจากนี้สายการบิน ยังมีแผนรับมอบเครื่องบินเพิ่มอีก 5 ลำในเดือนธันวาคม 2568 และอีก 2 ลำในเดือนมกราคม 2569 รวม 13 ลำตลอดปี 2569 และมากกว่า 10 ลำในปี 2570 เพื่อรองรับการขยายเครือข่ายเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการปรับปรุงฝูงบินให้ทันสมัยและประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น นายวรเนติ กล่าวทิ้งท้าย

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้จากผลกระทบสหรัฐชัตดาวน์ สายการบินก็ได้ปรับตารางการบินเพื่อบริหารฝูงบินชั่วคราว ทั้งการยกเลิกเที่ยวไปญี่ปุ่น (โอซาก้า,โตเกียว) จากเดิมที่กำหนดจะทำการบินในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ ด้วยเครื่องโบอิ้ง 737-8 ที่จะต้องรับมอบในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่เครื่องบินไม่มา

ส่งผลให้สายการบินต้องปรับตารางการบินบางเส้นทางชั่วคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารฝูงบิน ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ–โอซาก้า (VZ820) ช่วงวันที่ 2 ธันวาคม 2568 - 13 มกราคม 2569 และเส้นทางกรุงเทพฯ–โตเกียว (VZ830) วันที่ 15 ธันวาคม 2568 - 15 มกราคม 2569 การเปลี่ยนวันเดินทาง หรือคืนเงินเต็มจำนวน

ล่าสุดก็มีรายงานว่าไทยเวียตเจ็ทแอร์ ได้ปรับเลื่อนกำหนดเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่าง กรุงเทพฯ–โตเกียว (นาริตะ) และ กรุงเทพฯ–โอซาก้า (คันไซ) ออกไปเป็นเดือน มีนาคม 2569 จากเดิมที่วางแผนจะเริ่มให้บริการในช่วงกลางเดือนมกราคม 2569 โดยเที่ยวบิน กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)–โอซาก้า (คันไซ) จะขยับไปเริ่มบินในวันที่ 1 มีนาคม 2569ให้บริการสัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน ส่วนเส้นทาง กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)–โตเกียว (นาริตะ) ก็เลื่อนวันเริ่มให้บริการเป็น 1 มีนาคม 2569 เช่นกัน

การชัตดาวน์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวของสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก โดยกระทรวงคมนาคมสหรัฐฯ (DOT) ระบุว่า สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) ต้องพักงานพนักงานจำนวน 11,322 คน โดยส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยโดยตรง ทั้งการชัตดาวน์ครั้งนี้ยังนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่การบินเกือบ 7 หมื่นคน ต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง

ขณะที่บุคลากรที่จำเป็นต่อการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) จำนวนกว่า 13,000 คน จะยังทำงานแม้ไม่ได้รับค่าจ้าง เช่นเดียวกับทีมที่เกี่ยวข้องกับการบำรุงรักษาระบบนำร่อง การฝึกอบรม การสอบสวนอุบัติเหตุ และการควบคุมการปล่อยจรวดเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม งานด้านการออกกฎการบินใหม่ การตรวจสอบบุคลากร และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานบางส่วนต้องหยุดชะงักชั่วคราว

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (FAA) ประกาศมาตรการลดจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศในช่วงเวลาระหว่าง 6.00–22.00 น. ครอบคลุม 40 สนามบินหลักทั่วสหรัฐฯ อาทิ ในนครนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และ วอชิงตันดี.ซี. โดยเริ่มจากการลดเที่ยวบินราว 4% มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อบรรเทาภาระงานของเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องโดยไม่ได้รับค่าจ้าง การลดเที่ยวบินที่เกิดขึ้น ทำให้มีเที่ยวบินมากกว่า 5,000 เที่ยวบิน ที่สนามบินหลัก 40 แห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกยกเลิกหรือเกิดความล่าช้า

ขณะที่สมาคม Airlines for America ซึ่งเป็นตัวแทนของสายการบินรายใหญ่ เช่น ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส, เดลต้า แอร์, อเมริกัน แอร์ไลน์ส และเซ้าท์เวสต์ แอร์ไลน์ เตือนว่าอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบทั่วทั้งระบบ ด้านสมาคมนักบินการบิน (ALPA) ระบุว่าการชัตดาวน์คุกคามเสถียรภาพของระบบการบินที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ซึ่งมีผู้โดยสารกว่า 2.9 ล้านคนและสินค้า 59,000 ตันเคลื่อนย้ายทุกวัน

ด้านสมาคมการท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกา (US Travel Association) คาดการณ์ว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการชัตดาวน์ครั้งนี้อาจสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ ซึ่งจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,148 วันที่ 13 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568