KEY
POINTS
วุฒิสภาสหรัฐฯ กำลังเตรียมตัวพิจารณาร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายเพื่อยุติภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลกลาง ซึ่งยืดเยื้อมานานถึง 40 วัน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานต้องหยุดงาน และทำให้ความช่วยเหลือด้านอาหารล่าช้า ขณะเดียวกัน ระบบการบินทั่วประเทศก็เริ่มมีความโกลาหล โดยคาดว่าจะมีการลงมติในคืนวันอาทิตย์ (ตามเวลาสหรัฐฯ) เพื่อผลักดันร่างกฎหมายที่ได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรให้เข้าสู่กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติม
มาตรการใหม่นี้จะรวมงบประมาณระยะสั้นเพื่อเปิดรัฐบาลจนถึงเดือนมกราคม 2026 เข้ากับร่างกฎหมายที่จัดสรรงบประมาณเต็มปีอีกสามฉบับ ซึ่งคาดว่าจะมีสมาชิกพรรคเดโมแครตอย่างน้อย 8 คนลงคะแนนสนับสนุน ทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวมีโอกาสผ่านวุฒิสภาได้ โดยที่พรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ร่างกฎหมายผ่านวุฒิสภาไปแล้ว มันยังต้องกลับไปให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติอีกครั้งก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะลงนาม ซึ่งกระบวนการทั้งหมดอาจต้องใช้เวลาหลายวัน
การเจรจาเบื้องต้นระหว่างรีพับลิกันและเดโมแครต รวมถึงการเห็นพ้องที่จะมีการลงมติในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อขยายการอุดหนุนภายใต้โครงการ “Affordable Care Act” หรือ Obamacare ซึ่งเป็นประเด็นที่เดโมแครตผลักดันอย่างจริงจังในขณะที่มีการอภิปรายเรื่องงบประมาณนี้ นอกจากนี้ ร่างมติดังกล่าวยังมีการยกเลิกคำสั่งเลิกจ้างพนักงานของรัฐบาลบางส่วนในช่วงชัตดาวน์ และจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการช่วยเหลือด้านอาหาร (SNAP) ต่อไปอีกหนึ่งปี
ข้อตกลงนี้มีวุฒิสมาชิกเดโมแครตจากรัฐนิวแฮมป์เชียร์ แม็กกี้ ฮัสซาน และจีนน์ ชาฮีน รวมถึงแองกัส คิง วุฒิสมาชิกอิสระจากรัฐเมน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ขณะที่ ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาได้ยืนยันว่าสำหรับร่างนี้จะไม่ลงคะแนนสนับสนุน
ชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อมาถึง 40 วันส่งผลกระทบต่อหน่วยงานของรัฐหลากหลายด้าน ตั้งแต่การช่วยเหลืออาหาร สวนสาธารณะไปจนถึงการเดินทางทางอากาศ ซึ่งเริ่มขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อช่วงวันหยุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าที่จะมาถึงในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้
วุฒิสมาชิกทอม ทิลลิส จากพรรครีพับลิกันกล่าวว่า ผลกระทบที่เพิ่มขึ้นทำให้สมาชิกสภาทั้งสองฝ่ายเริ่มหันมาเจรจาอย่างจริงจัง “เมื่ออุณหภูมิลดลง ความกดอากาศสูงขึ้น ก็เหมือนว่าความตกลงกำลังจะเกิดขึ้นเสียที” เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว
ด้านเควิน แฮสเซ็ท ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาวเตือนว่า หากรัฐบาลยังคงปิดทำการต่อไปอีกไม่นาน เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจหดตัวในไตรมาสสุดท้ายของปี โดยเฉพาะหากระบบการบินไม่กลับสู่ภาวะปกติก่อนเทศกาลขอบคุณพระเจ้า