การบินไทยผวาการเมืองแทรกแซง ชงเพิ่มบอร์ดใหม่ 4 คน แนะรัฐขายหุ้นหวั่นซ้ำรอยเดิม

24 ก.ย. 2568 | 10:20 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ก.ย. 2568 | 10:51 น.

การบินไทยผวาการเมืองแทรกแซง จ่อชงเพิ่มบอร์ดใหม่ 4 คน อดีตกรรมการการบินไทย แนะให้รัฐบาลขายหุ้นทิ้ง ลดส่งคนครอบงำองค์กร หวั่นซ้ำรอยเดิม ปิยสวัสดิ์ ห่วงอย่ากลับไปเป็นองค์กรที่ทำงานเหมือนรัฐวิสาหกิจ ด้านดีดีการบินไทย เดินตามแผนยุทธศาสตร์

วันนี้ (วันที่ 24 กันยายน 2568)  สมาคมนักข่าว จัดราชดำเนินเสวนาในหัวข้อ “ตีโจทย์การบินไทย เดินต่ออย่างไรไม่ให้ซ้ำรอย” โดยมีวิทยากร ประกอบด้วย ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อดีตประธานคณะกรรมการผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และนายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 

หวั่นการเมืองแทรกแซงระลอกใหม่

ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อดีตประธานคณะกรรมการผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยไม่กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจไม่ค่อยมีความหมายเท่าไหร่ เพราะไม่กลับไปอีกแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือ การบินไทยอย่ากลับไปเป็นองค์กรที่ทำงานเหมือนรัฐวิสาหกิจ ซึ่งตนมีความเป็นห่วง ถ้าหากมีกรรมการที่ไม่มีความเหมาะสม ก็อาจมีการทำงานคล้ายลักษณะรัฐวิสาหกิจได้ แล้วจะกลับไปแบบเดิม 

ที่ผ่านมาการบินไทยแย่และทรุดลงมา เพราะมีการแทรกแซงจากข้างนอก แต่งตั้งคนเอาคนที่ไม่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งต่างๆ ตั้งแต่ข้างล่างมาข้างบน คนพวกนี้สุดท้ายแล้วก็มารับใช้คนที่เป็นหนี้บุญคุณในการจัดซื้อจัดจ้าง จะเห็นว่า เวลามีเรื่องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) นักการเมืองไม่โดน มีแต่ผู้บริหารการบินไทยที่โดน เพราะนักการเมืองสั่งด้วยวาจา แล้วก็ไปทำมา การที่โกงกินคอร์รัปชั่น มาจากเอาคนของตัวเองขึ้นมา ทำให้องค์กรอ่อนแอเพราะบริหารโดยคนที่ไม่เก่ง ไม่มีประสิทธิภาพ เหมือนก่อนการฟื้นฟูการบินไทย

การบินไทยผวาการเมืองแทรกแซง ชงเพิ่มบอร์ดใหม่ 4 คน แนะรัฐขายหุ้นหวั่นซ้ำรอยเดิม

ตอนที่ตนเป็นประธานบอร์ดการบินไทย มีแรงกดดันจากข้างนอกมากพอสมควรในการแต่งตั้งคน และไม่ใช่ระดับข้างบน เขาล้วงไปถึงข้างล่าง เติบโตขึ้นมา ซึ่งวงจรนี้กลับคืนมาได้ถ้าไม่ได้ระวัง ส่วนผู้บริหารการบินไทยชุดปัจจุบัน มาจากช่วง 5 ปีที่ทำแผนฟื้นฟู เป็นกลุ่มผู้บริหารที่มีความสามารถที่สุด เขาคือกลุ่มที่ทำให้การบินไทยฟื้นขึ้นมา และรู้ธุรกิจการบิน กลุ่มนี้ยังอยู่ มีความเข้มแข็ง แต่ถ้าไปเจอคนงี่เง่าที่ทำงานด้วย สักพักหนึ่งก็จะหมดแรงหรือการตัดสินใจช้า องค์กรเดินได้ช้า อาจจะพลาดโอกาส เพราะธุรกิจการบินเปลี่ยนแปลงเร็วตลอดเวลา 

"การเลือกบอร์ดในการเข้ามาบริหารการบินไทยเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมากรรมการรัฐใจไม่กว้างเลย เพราะก่อนหน้านี้ในการเลือกตั้งกรรมการ ทางตัวแทนจากสหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจำกัด เสนอคนมานั่งเป็นกรรมการก็ตกไป และครั้งที่แล้วก็มีการตกลงกับกระทรวงการคลังแล้วว่าจะคงจำนวนบอร์ดไว้ที่ 11 คน แม้ว่าตามข้อบังคับจะตั้งได้ 15 คน แต่รัฐบาลชุดก่อน จะเพิ่มขึ้นมาอีก 4 คนในช่วงปลายปีนี้ ถ้าเลือกคนไม่ดี ก็น่าจะคิดว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัท และราคาหุ้นหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ จะพ้นช่วงล็อกอัพ พีเรียด (ห้ามผู้ถือหุ้นที่แปลงหนี้เป็นทุนขายหุ้น 6 เดือน)”

เมื่อถามว่าการบินไทยจะเดินไปต่ออย่างไรไม่ให้ซ้ำรอย นายปิยสวัสดิ์กล่าวว่าตอนนี้การบินไทยมีผู้บริหารที่แข็งมาก และกลุ่มนี้เขารักและหวงแหนการบินไทย เพราะเขาสร้างมันขึ้นมาจากที่แทบล้มละลาย และต้องการให้บริษัทอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน ตอนนี้เรามีกรรมการบริหารจัดการตามปกติ ซึ่งต้องเลือกกรรมการที่ดี และรัฐบาลต้องใจกว้างในการสรรหากรรมการที่เหมาะสม และเอาคนที่มีความสามารถเหมาะสมกับการทำธุรกิจที่แข่งขันมากที่สุดในโลกเข้ามา 

"คนที่จะมาเป็นกรรมการควรจะถามตัวเองด้วยซ้ำว่าเข้ามาแล้วเพิ่มมูลค่าให้บริษัทได้ ถ้าตอบว่าไม่รู้ เข้ามาเสวยตำแหน่งเฉยๆ อย่าเอามาเลย คนที่เข้ามาเป็นกรรมการต้องช่วยบริษัทฟื้นฟูต่อไปได้อย่างยั่งยืน การสรรหากรรมการเป็นเรื่องสำคัญ และไม่เฉพาะการบินไทย รวมถึงรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ด้วยถ้าอยากเห็นรัฐวิสาหกิจไทยมีความยั่งยืนต่อไป” นายปิยสวัสดิ์กล่าว 

การบินไทยผวาการเมืองแทรกแซง ชงเพิ่มบอร์ดใหม่ 4 คน แนะรัฐขายหุ้นหวั่นซ้ำรอยเดิม

แนะรัฐขายหุ้นออกทั้งหมด ลดส่งคนครอบงำองค์กร

นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจที่เก่าแก่ ก่อตั้งในปี 2503  ธุรกิจมีกำไรเรื่อยมา แต่พอปี 2547 มีการเปิดเสรีการบิน ทำให้เกิดโลว์คอสแอร์ไลน์จำนวนมากในประเทศไทย จากนั้นเป็นต้นมา เกือบ 20 ปี การบินไทยมีกำไรอยู่แค่ 3 ปี ซึ่งในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำไรหลักไม่ถึงร้อยล้านบาท ขณะที่ยอดขาย 2 แสนล้าน

กระทั่งปี 2019 ขณะที่สายการบินทั่วโลกมีผลประกอบการที่ดีมากๆ แต่การบินไทยขาดทุนหมื่นกว่าล้านบาท ไตรมาสที่ 3 ของปีดังกลาง ซึ่งเป็นไตรมาสที่การบินไทยประกาศว่าสามารถทำ load factor ได้ถึง 80% แต่ขาดทุน 10% เท่ากันหลายพันล้านบาท ความหมายว่าจะทำกำไรได้ต้อง load factor 90% หรือมีผู้โดยสาร 90% ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสายการบินไหนทำได้

แต่โชคดีที่เกิดโควิด-19 เพราะทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจผ่าตัดครั้งใหญ่ เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ตามกฎหมายล้มละลาย และทำให้มีการผ่าตัดใหญ่ตลอด 5 ปี ซึ่งการบินไทย สามารถกลับมาจากขาดทุนมากที่สุดในโลก กลายมาเป็นสายการบินที่มีอิบิด้า มาร์จิ้น สูงที่สุดในโลก 2 ปีติดต่อกัน

“เรื่องราวของการบินไทยเป็นเคสระดับโลก เป็นการ turn around  ตื่นเต้นยิ่งกว่าที่นายกฯ ญี่ปุ่นฟื้นฟู japan airline เพราะฟื้นฟูในช่วงที่กิจการการบินทั่วโลกดี แต่การบินไทยฟื้นฟูตอนที่ทุกฝ่ายยากลำบาก โจทย์คือจากนี้ต่อไปทำอย่างไรไม่ให้วนไปสู่รูปแบบเดิม สื่อมีบทบาทสำคัญ เพราะสุดท้ายคนที่จะปกป้องการบินไทยได้ดีที่สุดคือประชาชน” นายบรรยง

ส่วนการบินไทยไปต่ออย่างไรเพื่อไม่ให้เจอวิกฤตแบบเดิมในอดีต นายบรรยงกล่าวว่าการที่การบินไทยฟื้นฟูได้ ด้วยความไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ เพราะความเป็นรัฐวิสาหกิจต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบมากมาย แต่ก่อนการบินไทยจะซื้อเครื่องบินลำหนึ่งต้องส่งไปที่กระทรวงคมนาคม ส่งไปที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมีสิทธิที่จะท้วงติง แล้วไปให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ซึ่งใช้เวลา 4 ปี 

ในอดีตขอซื้ออีกรุ่น แต่อนุมัติให้ซื้ออีกรุ่นหนึ่งก็มี การไม่เป็นรัฐวิสาหกิจสำคัญมาก นอกจากกฎระเบียบ ยังมีเรื่องของผู้คนที่ส่งคนมาเป็นกรรมการสัดส่วนนักการเมือง สัดส่วนข้าราชการ ซึ่งจะทำให้การแข่งขันกับการคล่องตัวหายไปทั้งหมด เพราะข้าราชการขาดเวลา ขาดทักษะการบริหารธุรกิจ

การบินไทยผวาการเมืองแทรกแซง ชงเพิ่มบอร์ดใหม่ 4 คน แนะรัฐขายหุ้นหวั่นซ้ำรอยเดิม

“การบินไทยที่ฟื้นฟูมาได้คือ 1. ตัดความเป็นรัฐวิสาหกิจออกไป ตัดกรรมการที่มีแต่ความกลัวออกไปถึงฟื้นฟูได้ 2. ผู้บริหาร ถ้าผู้บริหารไม่ได้เลือกมาจากความสามารถ ผลงาน ถ้ามาจากพวกใคร ที่ไหนก็พัง นี่คือปัญหาใหญ่ พอการบินไทยไม่ได้ปฏิบัติเช่นนี้ก็ทำให้พัฒนาได้มาถึงปัจจุบัน ซึ่งการบินไทยจะเดินต่อไปได้ดีนั้นคือ ลดรัฐ เพิ่มตลาด“ นายบรรยงกล่าว 

ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นการบินไทย ที่มีภาครัฐถือหุ้นใหญ่นั้น นายบรรยงแนะนำว่า รัฐบาลควรจะลดบทบาทในการบินไทยลงไปอีก ควรจะขายหุ้นให้หมด เพื่อเป็นตัวอย่างให้เห็นว่ารัฐวิสาหกิจถ้าเตรียมตัวให้พร้อมเขาจะไปได้ดี เหมือนกับที่บริติซ แอร์เวย์ส รัฐบาลอังกฤษไม่ถือหุ้นอยู่เลย แล้วให้ธรรมาภิบาลของตลาดดูแล นอกจากนี้ จะช่วยแก้ปัญหาเสถียรภาพการคลังให้รัฐบาล ลดหนี้สาธารณะได้ส่วนหนึ่ง และจะส่งสัญญาณที่ดีมากให้กลไกของระบบ

การบินไทยเพิ่มผลผลิต 20 % ตามแผนยุทธศาสตร์

ด้านนายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการบินไทยทุกวันนี้ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนดีขึ้นมาก แข่งขันกับสายการบินอื่นได้ แต่มาจากการวางแผน ทำตามยุทธศาสตร์ เดินตามแผนฟื้นฟู เรามาขึงดูว่าจุดอ่อน จุดแข็งแป็นอย่างไร ถามทุกฝ่ายว่า ทุกวันนี้การบินไทยมีจุดอ่อนคืออะไร บางคนก็นึกไม่ออก แต่ความจริงแล้วคิดว่าการบินไทยแทบไม่มีจุดอ่อนเลย ปัจจัยภายนอกเจอเหมือนกัน ซึ่งปัจจัยภายในการบินไทย มีจุดแข็งคือ ภูมิศาสตร์ที่ดี มีจิตใจการบริการที่ดี ต้นทุนต่อพนักงานต่ำกว่าถ้าเทียบกับสายการบินอื่น ขณะเดียวกันประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น 20% 

สิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนคือ ยุทธศาสตร์การขาย จากในอดีตที่เป็นการขายแบบ point to point เป็นหลัก ก็หันมาเน้นการขายผ่านเน็ตเวิร์ค ดังนั้น ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเราจัดการเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น วางแผนดู data ว่าผู้โดยสารมีแต่ละตลาดที่บินข้ามประเทศไทย ทำอย่างไรที่จะดึงทราฟฟิกมาประเทศไทยได้ นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญมากๆ และสะท้อนมายังผลประกอบการ ไตรมาสที่ 2-3 ไม่ขาดทุน กำไรคงที่จากเดิมที่ไตรมาส 2 และ 3 ขาดทุนมาตลอด 

การบินไทยผวาการเมืองแทรกแซง ชงเพิ่มบอร์ดใหม่ 4 คน แนะรัฐขายหุ้นหวั่นซ้ำรอยเดิม

ขณะที่ผลิตภัณฑ์ของการบินไทย 10 ปีย้อนหลังการบินไทยมีปัญหาเรื่องฮาร์ดแวร์ เช่น เครื่องบิน เพราะการขาดทุน จึงลดงบลงทุน การจัดหาเครื่องบิน วันนี้เรารู้ปัญหา 3 ปีที่ผ่านมาดำเนินการแก้ไข เราปรับปรุงผลิตภัณฑ์บนเครื่องบิน และเตรียมรับมอบเครื่องแอร์บัส 321 neo ที่จะเข้ามา 2 ลำในปลายปีนี้ และ 15 ลำในปีหน้า

“ช่วงนั้น 1 ปีแรกหลังจากฟื้นฟูเป็นเรื่องของการเอาชีวิตรอด ทำอย่างไรให้ตัวเองรอด แต่หลังจาก 1 ปีแล้ว ต้องดูอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะธุรกิจการบินต้องดู long term  ซึ่งเราทำได้ดีในการจัดหาเครื่องบิน 2023 ต้น 2024 ไปลงนามจัดหากับผู้ผลิตเครื่องบินและเครื่องยนต์เพื่อให้ได้มาซึ่งเครื่องบินในอนาคต ถ้าเป็นเมื่อก่อนใช้ mind set เดิมๆ ใช้เวลาในการตัดสินใจนานๆ ก็ไม่มีทางได้ฝูงบินเหล่านี้มา และอยู่ที่ผู้บริหารข้างบนว่าจะสนับสนุนคนทำงานได้มากขนาดไหน” นายชายกล่าว และว่า  

mindset สำคัญมากในการทำธุรกิจ เราเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เปลี่ยน core value มี 3 ข้อ คือ agility ต้องมีการตัดสินใจที่รวดเร็ว ถ้าไม่รวดเร็วไม่ทันคนอื่นต่อการเปลี่ยนแปลง และเป็นสาเหตุที่ทำให้การบินไทยเกือบล้มละลาย integrity ความซื่อสัตย์ ซื่อตรง และ mastering of customer ใส่ใจลูกค้า ความเป็นมืออาชีพ สะท้อนคุณสมบัติของคนทำธุรกิจ