ถอดรหัส"เวียดนาม"ปั้น IR จากกาสิโน สู่เครื่องจักรเศรษฐกิจท่องเที่ยว

24 ส.ค. 2568 | 08:35 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ส.ค. 2568 | 09:03 น.

เวียดนามเดินหมากใหญ่ โครงการรีสอร์ทครบวงจร (IR) ไม่ได้พึ่งพาแค่กาสิโน แต่เชื่อมธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท MICE สนามกอล์ฟ และอสังหาริมทรัพย์ สร้างระบบนิเวศท่องเที่ยวใหม่

KEY

POINTS

  • เวียดนามใช้โมเดลรีสอร์ทครบวงจร (IR) ที่ไม่ได้เน้นรายได้จากกาสิโนเป็นหลัก แต่กระจายสู่ธุรกิจโรงแรม, การท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (MICE) และ อสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
  • โครงการ IR ขนาดใหญ่ถูกเชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) เพื่อดึงดูดการลงทุนมหาศาล, สร้างงานนับหมื่นตำแหน่ง, และพัฒนานักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมียมที่มีกำลังซื้อสูง
  • รัฐบาลใช้นโยบาย "เปิดเสรีแบบค่อยเป็นค่อยไป" โดยเริ่มทดลองในพื้นที่จำกัดก่อนขยายผล พร้อมวางมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวดเพื่อป้องกันผลกระทบทางสังคม

การพัฒนากาสิโนในเวียดนาม ไม่ใช่เรื่องของ “โต๊ะพนัน” เพียงอย่างเดียว แต่ถูกวางให้เป็นส่วนหนึ่งของ "เครื่องจักรเศรษฐกิจท่องเที่ยว" ขนาดใหญ่ ผ่านโมเดล Portfolio แบบเดียวกับ สิงคโปร์ และ มาเก๊า 

กล่าวคือ รายได้ไม่ได้มาจากการพนันเป็นหลัก แต่กระจายไปยังโรงแรม รีสอร์ท การท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ และเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ที่เชื่อมโยงกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

ปัจจุบันเวียดนาม มีกาสิโนที่เปิดให้ชาวต่างชาติใช้บริการราว 8-9 แห่ง โดยเฉพาะ “Corona Resort & Casino” ที่ฟู้โกว๊ก เคยทำสถิติสูงสุด ดึงนักท่องเที่ยวกว่า 10,000 คนต่อวัน ในช่วงพีค ซึ่งสะท้อนศักยภาพของตลาดท่องเที่ยวเชิงบันเทิงในประเทศ 

ขณะที่โครงการขนาดใหญ่ เช่น Ho Tram Strip และ Hoiana กำลังกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของการท่องเที่ยวระดับบน ด้วยจำนวนห้องพักรวมกว่า 2,000-3,000 ห้อง ภายใต้แบรนด์ระดับโลกอย่าง InterContinental และ Holiday Inn ที่ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง

อีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญคือ MICE & Golf Tourism ซึ่งโครงการ “รีสอร์ทครบวงจร” Integrated Resort (IR) ในเวียดนาม ใช้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมียม โดยลงทุนสร้างสนามกอล์ฟมาตรฐานสากล และศูนย์ประชุมรองรับอีเวนต์ระดับเอเชียตะวันออก ตลาดนี้ถือว่ามีกำลังซื้อสูงมาก โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัว สูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 2-3 เท่า 

นอกจากนี้ การเชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ยังเป็นกลไกเร่งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะในโครงการใหม่ล่าสุด Van Don Integrated Casino and Tourism Complex ที่จังหวัดกว๋างนิงห์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 7.3 หมื่นล้านบาท) ซึ่งถูกวางให้เป็นฐานท่องเที่ยว และการค้าระดับนานาชาติ ด้วยการลงทุนในสนามบินและท่าเรือสำราญ ขยายโอกาสทางเศรษฐกิจไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และการพัฒนาเมืองใหม่ในอนาคต

หากรวมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ รัฐบาลเวียดนามประเมินว่า IR แต่ละแห่งสามารถสร้างมูลค่าการลงทุนมากกว่า 2-4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 68,000-136,000 ล้านบาท) และสร้างการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ต่ำกว่า 10,000 -15,000 ตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า กาสิโนเป็นเพียง “หนึ่งฟันเฟือง” ในเครื่องจักรเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่ามาก
 
สิ่งที่ทำให้เวียดนามโดดเด่น ไม่ใช่เพียงโมเดลทางเศรษฐกิจ แต่คือ วิธีคิดด้านกำกับดูแล ที่อาศัยกลยุทธ์ “Regulatory Incrementalism” หรือ การเปิดเสรีแบบค่อยเป็นค่อยไป และอิงข้อมูลจริงในการตัดสินใจ รัฐบาลเวียดนามเลือกที่จะไม่รีบเปิดเต็มรูปแบบ แต่ทดลองเป็นเฟส ๆ แล้วปรับกฎตามพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง
 
ตัวอย่างเช่น จากเดิมที่ใช้ระบบพิสูจน์รายได้ขั้นต่ำก่อนอนุญาตให้คนเวียดนามเข้ากาสิโน ก็มีการทดลองปรับมาเป็นระบบ “ตั๋วเข้าคงที่” ที่ควบคุมได้ง่ายกว่า หรือจากการเริ่มทดลองที่ฟู้โกว๊กเพียงแห่งเดียว ก็ขยายผลไปยัง Van Don เมื่อเห็นสัญญาณว่าระบบการกำกับดูแลทำงานได้จริง 

มาตรการป้องกันปัญหาสังคม ก็ถูกออกแบบอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น อายุขั้นต่ำ 21 ปี สำหรับผู้เล่น, สิทธิของครอบครัวในการขอให้รัฐกีดกันสมาชิกที่มีพฤติกรรมเสี่ยง, การติดตั้งกล้องวงจรปิด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบเก็บข้อมูลย้อนหลังถึง 180 วัน เพื่อเพิ่มความโปร่งใส รวมถึงการบังคับใช้การชำระเงินด้วยสกุลเงินด่ง เพื่อลดความเสี่ยงการฟอกเงินและสร้างความมั่นคงทางการเงิน
 
แนวทางแบบ “เดินทีละก้าว แต่ไม่หยุดเดิน” นี้ สะท้อนความระมัดระวังของเวียดนามที่พยายามสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการป้องกันผลกระทบทางสังคม ซึ่งอาจกลายเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคที่กำลังพิจารณาโมเดล Entertainment Complex หรือการเปิดเสรีกาสิโนในอนาคต
 
อ้างอิง: www.gamblinginsider.com , vir.com.vn