Entertainment Complex เวียดนาม จากสนามทดลองสู่โมเดลเศรษฐกิจ

22 ส.ค. 2568 | 09:48 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ส.ค. 2568 | 10:07 น.

เวียดนามใช้โมเดล "โครงการนำร่อง" ในการทดลองเปิด Entertainment Complex มากว่า 10 ปี เพื่อเก็บข้อมูลและปรับกฎระเบียบอย่างค่อยเป็นค่อยไป แทนการเปิดเสรีในทันที

KEY

POINTS

  • เวียดนามใช้โมเดล "โครงการนำร่อง" ในการทดลองเปิด Entertainment Complex มากว่า 10 ปี เพื่อเก็บข้อมูลและปรับกฎระเบียบอย่างค่อยเป็นค่อยไป แทนการเปิดเสรีในทันที
  • มีการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์สำหรับคนเวียดนาม จากเดิมที่ต้องพิสูจน์รายได้ มาเป็นโมเดล "ตั๋วเข้า" (Entry Fee) ที่จ่ายค่าผ่านประตูในอัตราที่สูงขึ้น แต่ไม่ต้องแสดงหลักฐานรายได้ เพื่อให้เข้าถึงง่ายและบริหารจัดการได้ดีขึ้น
  • รัฐบาลอนุมัติโครงการยักษ์ใหญ่ "Van Don Integrated Resort" มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ฯ เพื่อเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ สร้างงาน และยกระดับประเทศสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยวและความบันเทิงระดับโลก

การอนุมัติลงทุนโครงการ Van Don  Integrated Casino and Tourism Complex ที่จังหวัดกว๋างนิงห์ ของเวียดนาม มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 7.3 หมื่นล้านบาท) บนพื้นที่กว่า 244 เฮกตาร์ (1,527 ไร่) ของรัฐบาลเวียดนาม ถือเป็นโครงการขนาดมหึมา ในเขตเศรษฐกิจพิเศษเวินโดน ที่จะกลายเป็นเครื่องยนต์ใหม่ของเศรษฐกิจเวียดนาม ในอนาคต น่าสนใจว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ เวียดนามเดินเกมอย่างไร 

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เวียดนามค่อย ๆ ก้าวขึ้นมาเป็น “สนามทดลอง” ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเรื่อง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) และ กาสิโนรีสอร์ทแบบครบวงจร (Integrated Resorts – IRs) ท่ามกลางแรงเสียดทานทางสังคมที่คล้ายคลึงกับไทย 

แต่สิ่งที่ทำให้เวียดนามน่าศึกษาคือ วิธีการเดินเกมทีละก้าว ไม่เปิดเสรีทันที แต่ใช้ “โครงการนำร่อง” เก็บข้อมูลจริง ปรับกฎระเบียบ และค่อย ๆ ออกแบบโมเดลที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของตนเอง

"กรอบกฎหมาย"จากนำร่องสู่โมเดลตั๋วเข้า 

 จุดเริ่มสำคัญคือ พระราชกฤษฎีกา 03/2017/ND-CP ที่อนุญาตให้คนเวียดนาม อายุ 21 ปีขึ้นไป เข้าเล่นกาสิโนได้ “เฉพาะโครงการที่รัฐอนุมัติ” โดยมีเงื่อนไขพิสูจน์รายได้ขั้นต่ำ 10 ล้านด่งต่อเดือน (ราว 15,000 บาท) และจ่ายค่าผ่านประตู 1 ล้านด่งต่อ 24 ชั่วโมง หรือ 25 ล้านด่งต่อเดือน เฟสแรกนี้ถูกนำไปใช้ที่ Corona Resort & Casino บนเกาะฟู้โกว๊กตั้งแต่ปี 2019

ผลลัพธ์ตลอด 5 ปีทำให้รัฐบาลเห็นว่า แม้จะควบคุมปัญหาสังคมได้ แต่กระบวนการพิสูจน์รายได้กลับ “ลดแรงจูงใจ” ของผู้เล่น และทำให้การเข้าถึงระบบไม่สะดวกพอ ส่งผลให้ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รัฐบาลประกาศ ยุตินำร่องชั่วคราว เพื่อปรับโครงสร้างใหม่

ส.ค. 2025 กระทรวงการคลังจึงเสนอโมเดลใหม่ออกมาพลิกเกมคือ ตั๋วเข้า (Entry Fee Model) ที่ทำให้ผู้เล่นคนเวียดนาม สามารถเข้ากาสิโนได้ โดยจ่าย 2.5 ล้านด่งต่อวัน (3,600 บาท) หรือ 50 ล้านด่งต่อเดือน (72,000 บาท) โดยไม่ต้องพิสูจน์รายได้อีกต่อไป 

โมเดลนี้ถูกมองว่า “บริหารง่าย โปร่งใส และ ขยายฐานลูกค้า” พร้อมยังคงมาตรการป้องกัน เช่น สิทธิครอบครัวในการยื่นห้ามสมาชิกเข้าเล่น การบังคับใช้อายุขั้นต่ำ 21 ปี และการบันทึกข้อมูลลูกค้าอย่างน้อย 5 ปี

และล่าสุดใน IR ใหม่ Van Don Integrated Resort (กว๋างนิงห์) โครงการมูลค่า US$2 พันล้าน ของ Sun Group ที่เพิ่งได้รับอนุมัติในฐานะ IR รุ่นใหม่ โดยคาดว่าจะเป็น Entertainment Hub ของภาคเหนือ

จุดเด่นสำคัญของโครงการนี้คือ การอนุญาตให้ชาวเวียดนาม เข้าใช้บริการกาสิโนได้เป็นครั้งแรก ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ที่เพิ่มฐานลูกค้าภายในประเทศ พร้อมทั้งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ

สร้างงานเพิ่มรายได้ยกระดับเศรษฐกิจ

การลงทุนครั้งนี้คาดว่า จะใช้เวลาก่อสร้างราว 9 ปี และเปิดดำเนินการได้ต่อเนื่องสูงสุด 70 ปี เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งสร้างงานนับหมื่นตำแหน่ง ทั้งภาคก่อสร้าง การท่องเที่ยว การโรงแรม และ ธุรกิจบริการต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ยังจะช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและการพนัน กระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ และยกระดับบทบาทกว๋างนิงห์ ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวภาคเหนือ ของเวียดนาม

จนในที่สุด คือ การสร้างชื่อเวียดนาม บนแผนที่แหล่งท่องเที่ยว และในอุตสาหกรรมบันเทิงโลก เทียบเคียงกับ มาเก๊าและลาสเวกัสได้ในที่สุด 

 

อ้างอิง:

The asset.com

https://vir.com.vn/billionaire-hong-kong-family-acquires-hoiana-resort-103783.html