นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า สมาคมโรงแรมไทยจะนำเรื่องให้ศาลปกครองตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) ที่กำหนดให้โรงแรมประเภท 2 ประเภท 3 และ ประเภท 4 ทั่วประเทศ จ่ายค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 400 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ซึ่งสมาคมโรงแรมมีเวลาในการยื่นภายใน 30 วัน หรือ ภายในไม่เกินวันที่ 20 กันยายนนี้
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ โดยเฉพาะในธุรกิจโรงแรมและสถานบริการนั้น ต้องยืนยันว่า สมาคมโรงแรม เห็นด้วยกับการปรับเพิ่มค่าจ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบัน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงาน ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งเป็นส่วนช่วยเพิ่มกำลังซื้อของแรงงาน ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมผ่านการบริโภคที่เพิ่มขึ้น
แต่ไม่เห็นด้วยกับกรณีที่กำหนดให้เฉพาะโรงแรมประเภท 2 โรงแรมประเภท 3 และโรงแรมประเภท 4 ในท้องที่ทุกจังหวัด จ่ายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 400 บาททั่วประเทศ
ภาพรวมเศรษฐกิจในตอนนี้ การปรับขึ้นค่าแรงเท่ากันแบบทั่วประเทศ ยังไม่สอดคล้องกับต้นทุนธุรกิจที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ จะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของโรงแรมมาก โดยเฉพาะโรงแรมในพื้นที่เมืองรองและมีเสียงการเรียกร้องจากสมาชิกทั่วทุกภาคต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น
ทางสมาคมโรงแรมไทย จึงมีความจำเป็นต้องนำความเดือดร้อนหรือเสียหายจากประกาศของคณะกรรมการค่าจ้างใหม่นี้ เสนอต่อศาลปกครองเพื่อให้ตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายตามข้อ 2(1) ของประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2568 และให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่อไป
เนื่องจากประกาศดังกล่าวส่งผลให้สมาชิกของสมาคมฯ และโรงแรมทั้ง 3 ประเภท ที่ตกอยู่ภายใต้บังคับของประกาศ ได้รับผลกระทบต่อการประกอบกิจการในหลายพื้นที่ เพราะบางพื้นที่ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยและสภาพเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งต้องปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันไปด้วย
ก่อให้เกิดผลกระทบต่อต้นทุนการบริการและความสามารถของธุรกิจ ซึ่งต้นทุนค่าแรง คิดเป็นอัตรา 25-30% รองลงมาเป็นค่าไฟฟ้า 25% รวมกันเฉพาะค่าไฟฟ้าและค่าแรงงานเกินครึ่งของต้นทุนของโรงแรม ส่วนที่เหลือเป็นต้นทุนด้านอื่นๆ อาทิ ค่าน้ำ ค่าอาหาร เป็นต้น
ขณะเดียวกันหากสมาชิกของสมาคมฯ กลุ่มที่อยู่ในพื้นที่จำนวนนักท่องเที่ยวน้อย จะต้องมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไปถึง 650 บาทต่อวันตามนโยบายรัฐบาล ก็จะได้รับผลกระทบเพิ่มเป็นทวีคูณ แต่ผู้ประกอบการในเมืองท่องเที่ยวหลักอาจได้รับผลกระทบไม่มากเท่าโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวน้อย โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองรอง
อย่างไรก็ตามประกาศดังกล่าวที่กำหนดให้ปรับอัตราค่าจ้างประเภทกิจการโรงแรมในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราวันละ 400 บาทเท่ากันทั้งประเทศจึงเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ใช้ดุลพินิจในการออกประกาศที่ไม่ชอบตามมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน 2541
คณะกรรมการค่าจ้างประกอบด้วยผู้แทนฝ่ายรัฐ นายจ้าง และลูกจ้างฝ่ายละ 5 คน โดยจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างจังหวัดในแต่ละจังหวัดเพื่อศึกษาบริบทพื้นที่ จากนั้นเสนอต่อคณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรอง ก่อนนำเสนอคณะกรรมการค่าจ้างพิจารณาลงมติ แล้วเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
สมาคมฯ ชี้ว่าแม้มาตรา 87 วรรคสองจะให้อำนาจคณะกรรมการค่าจ้างกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉพาะกิจการโรงแรมในท้องถิ่นใดก็ได้ แต่มิได้หมายความว่าจะพิจารณาได้ตามอำเภอใจ ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้
ทำให้สมาชิกผู้ประกอบกิจการโรงแรมได้รับผลกระทบในการประกอบกิจการอย่างร้ายแรง เป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และสมาคมฯ ยังเห็นว่า หากไม่มีข้อกำหนดดังกล่าวใช้บังคับกับผู้ประกอบกิจการโรงแรม ก็ยังมีประกาศคณะกรรมการค่าจ้างในข้อที่ได้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่มีความแตกต่างกันตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศอย่างเป็นธรรมอยู่แล้ว
นายเทียนประสิทธิ์ ยังกล่าวต่อว่า โรงแรมที่มีผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรง 400 บาทนี้มีทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่นอกเมืองหลัก และเมืองระยะไกลๆ เพราะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไปน้อย อีกทั้งแม้ภาวะการท่องเที่ยวจะดีมากกว่านี้ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแบบเท่ากันทั่วประเทศก็ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจมากไม่ต่างกัน เนื่องจากโครงสร้างต้นทุนและรายได้มีความแตกต่างกัน
อย่างวันนี้แม้รัฐบาลจะมีโครงการ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" ก็จะเห็นว่าการใช้สิทธิ์ในเมืองหลักเต็มไปหมดแล้ว แต่การใช้สิทธิเมืองรอง ยังเหลือถึง 5 หมื่นสิทธิ์ ก็แสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกที่จะไปเที่ยวเมืองหลัก จำนวนการเดินทางไปเที่ยวเมืองรองก็จะน้อยกว่า และหากมีต้นทุนค่าแรงงานเพิ่มขึ้นอีก ธุรกิจก็จะยิ่งกระทบอย่างมาก
รวมถึงประกาศดังกล่าวมีผลเฉพาะโรงแรมในระบบที่ถูกกฎหมายต้องปรับขึ้นตามประกาศ แต่โรงแรมนอกระบบไม่ต้องทำ แทนที่ภาครัฐจะสนับสนุนโรงแรมที่ทำถูกกฎหมายในแง่ต่างๆ ให้รางวัลที่พัฒนาคุณภาพขึ้นมาได้สูงกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง แต่จากหลายๆ เรื่องที่ประกาศออกมา โดยเฉพาะการขึ้นค่าแรงแบบนี้ เหมือนเป็นการทำโทษผู้ประกอบการที่ทำดีแทนมากกว่า
ด้วยเหตุนี้ สมาคมฯ จึงมีความจำเป็นต้องนำความเดือดร้อนหรือเสียหายจากประกาศดังกล่าวเสนอต่อศาลปกครองเพื่อตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายตามข้อ 2(1) ของประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) และให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย