“ท่องเที่ยว” ยันดึงกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดได้คุ้มเสีย

09 ส.ค. 2568 | 06:18 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ส.ค. 2568 | 07:18 น.

การดึงกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด ในมุมมองของผู้ประกอบการท่องเที่ยว มองในเรื่องนี้อย่างไร ทำไมได้คุ้มเสีย “ฐานเศรษฐกิจ” ได้รวบรวมความคิดเห็นจากสมาคมท่องเที่ยวต่างๆมานำเสนอ

สมาคมโรงแรมชี้หนุนนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวเที่ยวไทย

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การดึงกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดเป็นนโยบายของภาครัฐ แต่ในมุม Feedback หรือ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับ การท่องเที่ยวมองว่าเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย เนื่องจากการท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มที่ไม่ได้เสพกัญชา นักท่องเที่ยวจะรู้สึกไม่ปลอดภัย

อาทิ เวลาเดินไปตามท้องถนน มีกลิ่นกัญชา เขามีความรู้สึกไม่อยากพาลูกพาหลานเล็กๆเข้ามาในเมืองแบบนี้ ซึ่งเป็นภาพที่เราได้รับผลกระทบด้านการท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่การท่องเที่ยวเชิงกัญชา ก็อาจจะมีนักท่องเที่ยวบางส่วนที่สนใจในเรื่องนี้ แต่ก็เป็นกลุ่มเล็กๆ ซึ่งถ้าไทยมีการควบคุมโซนให้อยู่ในสถานที่เหมาะสมก็น่าจะพอไปได้ แต่ปัญหาที่ผ่านมาร้านกัญชามีแพร่ไปทั่ว ตามท้องถนนต่างๆก็มี

ดังนั้นเมื่อเทียบกับภาพรวมของการท่องเที่ยวไทยจะเน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว การดึงกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด ก็จะทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็นตลาดสำคัญมากกว่านักท่องเที่ยวที่สนใจเรื่องกัญชาที่มีเพียงกลุ่มเล็กๆ

อีกทั้งจากข้อมูลของออนไลน์ ทราเวล เอเย่นต์ หรือ OTA อย่าง Booking.com ก็ออกมาระบุว่านักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว มีการเติบโตด้านการท่องเที่ยวสูงกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ จึงเป็นกลุ่มตลาดที่ประเทศไทยละเลยไม่ได้

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์

แอตต้า ชี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่มีผลกระทบ

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) เปิดเผยกับว่า การที่รัฐบาลดึงกัญชา กลับมาเป็นยาเสพติด เป็นเรื่องที่ดี สำหรับภาคสังคม และ การท่องเที่ยว ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ ที่ไปใช้กัญชาแทนยาเสพติด จากการเข้าถึงได้และไม่ผิดกฎหมาย ทำให้เกิดการเลียนแบบ และ การชักจูงที่ผิดได้ง่าย

ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวจากตลาดเอเชีย แปซิฟิก ที่มีสัดส่วนถึง 70% ของประเทศไทย กัญชาเป็นสารเสพติดผิดกฎหมาย ซึ่งมีผลต่อเชิงนโยบายต่อความร่วมมือ การท่องเที่ยวระหว่างกัน ทำให้ รัฐบาลในประเทศมีแนวคิดที่อาจไม่ส่งเสริมการเดินทางมาประเทศไทย เช่น เกาหลีใต้ โดยการสุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวไทยแล้ว สุ่มตรวจขากลับ หาสารเสพติด เป็นต้น

อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกกิตติมศักดิ์และประธานที่ปรึกษาอาวุโส แอตต้า กล่าวว่า การที่รัฐบาลประกาศยกเลิกกัญชาเสรี และอนุญาตให้ใช้เพื่อทางการแพทย์เท่านั้น มองว่าส่งผลดีอย่างมากต่อภาคการท่องเที่ยวไทย เพราะนักท่องเที่ยวตลาดหลักทั้งจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และออสเตรเลียไม่เอากัญชาอยู่แล้ว และไม่เฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว แต่รวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วไป

ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร

โดยที่ผ่านมานักท่องเที่ยวบางประเทศถูกสุ่มตรวจปัสสาวะเมื่อเดินทางกลับ เช่น เกาหลีใต้ และจีน ส่วนนักท่องเที่ยวที่สนใจผลิตภัณฑ์จากกัญชาส่วนใหญ่เป็นตลาดยุโรป ซึ่งมีไม่มากนัก

การประกาศยกเลิกกัญชาเสรี เป็นผลดีกับภาพรวมภาคการท่องเที่ยวไทยอย่างมาก ให้จำกัดการใช้เพื่อทางการแพทย์เท่านั้น ที่ผ่านมาเราเห็นคอมเมนต์เชิงตำหนิของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จำนวนมากบนโซเชียลมีเดียว่าไม่ชอบให้มีกัญชาเสรีในประเทศไทย ทางการของบางประเทศก็แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวัง เพราะผิดกฎหมายบ้านเขา มีการสุ่มตรวจปัสสาวะเมื่อเดินทางกลับประเทศทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนกังวลว่าอาจเผลอรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาเข้าไปโดยไม่รู้ล่วงหน้า

สมาคมตลาดท่องเที่ยวฯชี้ข้อดี-ข้อเสีย เลิกกัญชาเสรี

นายกิตติ พรศิวะกิจ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย เผยว่า การที่รัฐบาลจะมีการจัดระเบียบธุรกิจกัญชา ยกระดับให้ใช้เฉพาะการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ และดึงกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและภาพรวมของประเทศ ดังนี้

โดยข้อดี คือ การแก้ปัญหาที่นักท่องเที่ยวหลายชาติในเอเซียกังวลเรื่องการตรวจพบสารกัญชาที่อาจปนเปื้อนอาหารเมื่อเดินทางกลับประเทศ การเพิ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวและเด็กที่อาจตัดสินใจไม่มาประเทศไทย เนื่องจากได้รับข้อมูลว่าเรามีร้านกัญชากว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ

กิตติ พรศิวะกิจ

รวมทั้งภาคเอกชนมุ่งพัฒนาเฉพาะการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นโอกาสในการยกระดับให้ไทยเป็น Cannabis Wellness Hub ที่มีคุณภาพและมูลค่าสูง และป้องกันปัญหาสังคมที่อาจเกิดจากเยาวชนติดกัญชาจากการที่กฏหมายเปิดกว้างในการเข้าถึงกัญชามากเกินไป

ขณะที่ข้อเสีย คือ อาจมีนักท่องเที่ยวยุโรปส่วนหนึ่งที่เข้ามาเที่ยวแนว Cannabis Tourism ลดลง ขณะเดียวกันภาคเอกชนและชุมชนกว่า 20,000 แห่ง จะมีปัญหาต้องปิดกิจการหรือปรับรูปแบบธุรกิจซึ่งภาครัฐควรจะมีนโยบายมารองรับ และต่างประเทศอาจมองถึงการขาดเสถียรภาพเชิงนโยบายของภาครัฐ ที่มีผลต่อการลงทุนหากไม่มีนโยบายรองรับที่ชัดเจน เป็นธรรม

ทั้งหมดล้วนเป็นมุมมองของผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น