นางสาว วัจนารัตน์ บัววิรัตน์เลิศ Director - Carpenter Avenue จ. เชียงใหม่ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของ Carpenter Avenue คือมีพื้นที่อยู่แล้วย่านโชตนา และมองว่าเป็นมากกว่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ อยากพัฒนาเชียงใหม่ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ที่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการธุรกิจสามารถมารวมตัวกันได้ในพื้นที่เดียว ประกอบกับพฤติกรรมคนในปัจจุบัน เริ่มมองหาสถานที่ฮีลใจ ใกล้ชิดธรรมชาติ เพื่อผ่อนคลายเครียดจากเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว
ซึ่งอยากสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ชูโมเดลพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวใหม่ที่ผสานกลยุทธ์กรีนคอนเนค ทัวร์ริซึ่ม (Green Connect Tourism) เข้ากับเศรษฐกิจฐานรากบนวิถีชีวิตคนในท้องถิ่น
โดยพื้นที่ทั้งหมดของโครงการ Carpenter Avenue ใช้งบรีโนเวท 50 ล้านบาท มีพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น 3,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ธรรมชาติ และ 2,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ใช้สอยโดยแบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก ได้แก่
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ มาพูดคุยและมีความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ โดยตั้งเป้าผู้ประกอบการเข้าร่วม 200 ราย รวมถึงงานอีเว้นท์ต่างๆ ที่จะจัดขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจในด้านต่างๆ เช่น งานคอฟฟี่แฟร์หรืออีเว้นท์ที่เกี่ยวกับการพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจในเชียงใหม่ และตั้งเป้าผู้ใช้บริการ 20,000 คนต่อปี
อีกหนึ่งเป้าหมายของ Carpenter Avenue คือการสร้างคอมมูนิตี้สเปซที่เหมาะสำหรับทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความนิยมในการท่องเที่ยวธรรมชาติและความเงียบสงบของเชียงใหม่
อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้สุนัขสามารถเข้ามาในพื้นที่ได้ ทำให้เป็นที่แรกที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวและ Pet-Friendly ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสัตว์เลี้ยง
เชียงใหม่มีศักยภาพสูงทั้งในด้านสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย รวมถึงร้านอาหาร โรงแรม บูติครีสอร์ท และโฮมสเตย์ที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ทำให้เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จนกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก
นอกจากนี้ยังมีจุดแข็งด้านสินค้าและบริการเชิงท่องเที่ยวที่สะท้อนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมถึงการท่องเที่ยวพำนักระยะยาวที่เน้นการพักผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากเชียงใหม่เป็นสถานที่ที่ครบครันทั้งธรรมชาติและวิถีเมือง
สำหรับปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวสูงถึง 16 ล้านคน โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจากตะวันออกกลาง อินเดีย จีน และสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเปิดเส้นทาง เพราะมีการเปิดบินตรงเข้าเชียงใหม่มากขึ้น โดยเชียงใหม่ยังคงเป็นหนึ่งใน 5 เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของไทย ทำให้โครงการเรามีโอกาสเติบโตในอนาคต
โครงการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการท้องถิ่น และ SME ได้เติบโตร่วมกัน เช่น การให้ใช้พื้นที่จัดงานเพื่อประโยชน์ของชุมชน ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่รักษาธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม การจัดตลาด Farmer Market และจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องเกือบทุกเดือน
เพื่อช่วยร้านค้าสร้างการรับรู้และรายได้ โดยในระยะแรก Carpenter Avenue ตั้งเป้าหมายที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่น จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2569 ด้วยมาตรการลดค่า GP เหลือเพียง 20% เพื่อช่วยลดภาระต้นทุนในช่วงเริ่มต้น
หากมาตรการนี้ได้รับการตอบรับที่ดี ทางโครงการมีแผนขยายระยะเวลาและเพิ่มขอบเขตการสนับสนุนต่อไปในอนาคต ทั้งนี้เพราะเข้าใจดีว่าผู้ประกอบการรายย่อยกำลังเผชิญกับความท้าทายในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน จึงต้องการมีส่วนร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนในการผลักดันให้ธุรกิจเหล่านี้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดย Carpenter Avenue จะเปิดให้บริการเริ่มวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 นี้
ในส่วนของความท้าทายในการพัฒนาธุรกิจในเชียงใหม่ทุกธุรกิจมีความเสี่ยง และ Carpenter Avenue เองก็ไม่ต่างกัน เนื่องจากเชียงใหม่เองมีความผันผวนในด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกับการลดลงของนักท่องเที่ยวจากจีน อย่างไรก็ตามมองว่าทุกวิกฤติมีโอกาส และ Carpenter Avenue จะพัฒนาแนวทางใหม่เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าประเทศใหม่ๆ โดยเฉพาะจากเกาหลีและเอเชียตะวันออกกลาง