กางแผนกระตุ้นท่องเที่ยวเหนือปี 67 ชู“ทัวร์ยกครัว 3 Generation”

22 ธ.ค. 2566 | 03:39 น.

รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.เผยแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคเหนือปี 2567 เน้นกลุ่มครอบครัว 3 Generation พร้อมหนุนท่องเที่ยวยั่งยืน-ทัวร์สุขภาพ

ภาพรวมการท่องเที่ยวในภาคเหนือ ปีนี้อากาศจะดีเหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศและคนไทยที่ชอบอากาศเย็นๆ ประกอบกับพื้นที่ในภาคเหนือจะเป็นพื้นที่ๆมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงาม  ทั้งเรื่องแหล่งอารยะธรรมที่หลากหลาย และอาหาร ปัจจัยเหล่านี้คาดการณ์ว่าภาคเหนือปี 2566 จะดีขึ้นกว่าปี 2565

นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  (ททท.)เปิดเผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวในภาคเหนือว่า  จากตัวเลขที่ผ่านมา 10 เดือน ภาคเหนือมีอัตราการพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 15%  หรือมีอัตราการพักอยู่ที่ประมาณ 60%  ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว เชียงใหม่ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีการเดินทางท่องเที่ยวเข้าในภาคเหนือสูงที่สุด มีอัตราการพักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70%

 คาดว่าในโค้งสุดท้ายของปีนี้ คือเดือนธันวาคม คิดว่าตัวเลขน่าจะได้เกินเป้า ตอนนี้ยอดจองทยอยกันขึ้นมาถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี 

ส่วนแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคเหนือ ในปี 2567 นางสาวสมฤดี  กล่าวว่า   ททท.จะเน้นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่ถูกต้องตามฤดูกาล พืช ผัก ผลไม้ทุกชนิดต้องตามฤดูกาล เกษตรอินทรีย์ หรือเกษตรปลอดสารพิษ โดยภาคเหนือถือว่าเป็นครัวแห่งหนึ่งของประเทศไทยและเป็นครัวที่สำคัญของโลก มีพืชผลผลิตที่ปลอดสารพิษ ตรงนี้จะกระตุ้นให้เดินทางท่องเที่ยว อาจจะได้กลุ่มนักท่องเที่ยวรักสุขภาพ ทานอาหารแล้วสุขภาพดี สิ่งเหล่านี้จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่เข้ามา

อีกกลุ่มหนึ่ง คือกลุ่มครอบครัว ที่เป็นกลุ่มครอบครัวที่มากกว่า 2  Generation กลุ่มครอบครัว มีพ่อ แม่ และลูก ตอนนี้ ททท.เน้นขยายตลาดเข้าไปในกลุ่มที่มีคุณตา คุณยาย หรือคุณปู่ คุณย่า การเดินทาง 3 Generation นี้เป็นการทำการตลาดที่ยาก เพราะว่าจะต้องมีสินค้าทางการท่องเที่ยวที่สอดรับทั้ง 3 กลุ่มในเวลาเดียวกัน แต่น่ายินดีว่าทางภาคเหนือมีองค์ประกอบครบ  จะเห็นกลุ่มนี้เริ่มไหลเข้ามาต่างจังหวัด กระจายไปหลายพื้นที่ 

กางแผนกระตุ้นท่องเที่ยวเหนือปี 67 ชู“ทัวร์ยกครัว  3 Generation”

อย่างไรก็ดี ททท. จะตั้งเป้าหมายทั้งประเทศ ไม่ได้วางไว้ว่าภาคใดภาคหนึ่ง โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตั้งเป้าที่รายได้จากทางการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท เป็นต่างประเทศ 2 ล้านล้านบาท และเป็นในประเทศ 1 ล้านล้านบาท  ถ้าเม็ดเงินมาเราไม่เพียงแต่ต้องการรายได้เท่านั้น แต่ต้องการให้เกิดการกระจายตัวโดยเฉพาะในกลุ่มของเมืองรอง ซึ่งมีทั้งหมด 55 จังหวัด ในส่วนของภาคเหนือเป็นเมืองรองเกือบทั้งหมด ยกเว้นเชียงใหม่ที่เป็นเมืองหลัก ดังนั้นการกระจายตัว คือตัวสำคัญที่จะเกิดให้การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ลดเรื่องไปกระจุกตัวจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งจนทำให้เกิดมลภาวะ
 

นางสาวสมฤดี กล่าวว่า นักท่องเที่ยวปัจจุบันยังกลับมาไม่เต็มร้อย เพราะเครื่องบินพอหยุดบินนานการที่จะบินขึ้นมาต้องใช้เงินทุนสูงในการที่จะรีโนเวทแล้วเอาเครื่องบินบินขึ้น สายการบินต่างๆ พอได้เงินมาต้องนำมาซัพพลายในส่วนตัวที่จะบินลำต่อไป รวมทั้งของต่างประเทศด้วย  คิดว่าปี 2567 เที่ยวบินน่าจะกลับมาได้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่เจอวิกฤตโควิด

ดังนั้นภาคธุรกิจ และคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยังกลับมาไม่100%  ซึ่งทั่วโลกเป็นเหมือนกันหมด บางประเทศมีปัญหาเจ้าหน้าที่สนามบินไม่พอ ตอนนี้ทุกประเทศทั่วโลกมีปัญหาเดียวกันคือ คนไม่เข้ามาในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาจจะด้วยเหตุผลได้งานใหม่  หรือรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะเกิดโรคระบาดอีกหรือไม่

เชื่อมั่นว่าถ้าปี 2567 การเดินทางเริ่มไหลขึ้น คนอาจจะกลับเข้ามาสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตอนนี้หลายที่จะเจอปัญหาเหมือนกันหมดโดยเฉพาะโรงแรม เจ้าหน้าที่หรือเจ้าหน้าที่อาจจะไม่พอเพียงถ้าเทียบกับปี 2562 คิดว่าน่าจะกลับมาประมาณเกือบ 70% แล้ว

อย่างไรก็ตามมีปัจจัยหลายอย่าง อาทิเครื่องบินอาจจะยังมาไม่บินเต็ม 100%  ด้วยปัจจัยทั้งเรื่องของเครื่องที่จอดนาน  ภาวะเศรษฐกิจโลก ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของสงครามก่อให้เกิดค่าน้ำมันแพง ตั๋วเครื่องบินโดยเฉพาะชาวต่างประเทศเข้ามาตอนนี้แพงมาก อันนี้คือปัจจัยสำคัญ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงิน  สุดท้ายทุกประเทศทั่วโลกเจอภาวะโควิด เศรษฐกิจยังไม่กลับมา 100%  โดยนักท่องเที่ยวอันดับต้นๆเป็นมาเลเซีย เกาหลี รัสเซีย และ จีน