'เซ็นทรัล รีเทล' เผยผลประกอบการ 9 เดือน กำไรหด เหตุเศรษฐกิจชะลอ–กำลังซื้ออ่อนตัว

13 พ.ย. 2568 | 03:30 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ย. 2568 | 04:10 น.

'เซ็นทรัล รีเทล' เผยผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2568 กำไรหด 13% ราว 5,112 ล้านบาท เหตุเศรษฐกิจชะลอ–กำลังซื้ออ่อนตัว เดินหน้าขยายสาขาไทย–เวียดนาม มั่นใจกลยุทธ์ New Heights, Next Growth หนุนยอดขายสิ้นปี

KEY

POINTS

  • ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของเซ็นทรัล รีเทล มีกำไรสุทธิ 5,112 ล้านบาท ลดลง 13% แม้รายได้รวมจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.5%
  • สาเหตุหลักที่กำไรหดตัวมาจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอลง
  • แม้เผชิญความท้าทายในไทย บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผน โดยเฉพาะในเวียดนามที่เศรษฐกิจเติบโตสูง
  • บริษัทคาดว่าผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายจะปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและช่วงไฮซีซั่น

นายปเนต มหรรฆานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังอยู่ในระยะชะลอตัวและเผชิญกับปัจจัยท้าทายจากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เซ็นทรัล รีเทล ยังคงเดินหน้าธุรกิจอย่างมั่นคงตามแผนที่วางไว้ ภายใต้กลยุทธ์ ‘New Heights, Next Growth’ โดยสามารถสร้างรายได้รวมใน 9 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 194,440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% และมีกำไรสุทธิหลังรายการปรับปรุง 5,112 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมทั้งปิดไตรมาส 3 ที่รายได้รวม 62,516 ล้านบาท ลดลง 0.9% และมีกำไรสุทธิหลังรายการปรับปรุง 1,299 ล้านบาท ลดลง 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับในไตรมาส 3 ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การเปิดศูนย์การค้า GO! ในเวียดนามเพิ่ม 2 สาขา ได้แก่ สาขาฮึงเอียน (Hung Yen) และเอียนบาย (Yen Bai) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวเวียดนาม ด้วยยอดเช่าพื้นที่มากกว่า 90% ซึ่งเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามที่เติบโตสูงถึง 8.23% ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

นายปเนต มหรรฆานุรักษ์

ขณะเดียวกันในประเทศไทย เซ็นทรัล รีเทล ยังคงมุ่งขยายสาขาห้างร้าน อาทิ ท็อปส์, โก โฮลเซลล์, ออโต้วัน รวมถึงเสริมพอร์ตแบรนด์ไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ เช่น Aveda แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมชั้นนำระดับโลก ที่ CMG ได้รับสิทธิ์เป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นอกจากนี้ห้างร้านต่าง ๆ ในเครือ ยังมีการจัดกิจกรรมและแคมเปญทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าแค่การช้อปปิ้งให้แก่ลูกค้า 

ขณะที่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 เซ็นทรัล รีเทล คาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจปลายปีจะปรับตัวดีขึ้นจากทั้งมาตรการภาครัฐที่เข้ามาสนับสนุน เช่น โครงการเที่ยวดีมีคืน และคนละครึ่งพลัส รวมถึงการส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ของเซ็นทรัล รีเทล และแบรนด์ในเครือ

ซึ่งจะช่วยเพิ่มทราฟฟิก สร้างบรรยากาศการจับจ่าย และกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคปลายปีที่เป็นช่วงไฮซีซัน ทั้งนี้ภาพรวมตลอดปี 2568 เซ็นทรัล รีเทล สามารถดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ ทั้งในส่วนห้างร้านที่สามารถเปิดสาขาใหม่ได้ครบตามเป้า พร้อมเดินหน้าที่จะสร้างการเติบโตในตลาดศักยภาพไทยและเวียดนามต่อไป

'เซ็นทรัล รีเทล' เผยผลประกอบการ 9 เดือน กำไรหด เหตุเศรษฐกิจชะลอ–กำลังซื้ออ่อนตัว

โดยคาดว่าจะสามารถปิดปีด้วยจำนวนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสันรวม 76 สาขา, ท็อปส์มากกว่า 700  สาขา, ไทวัสดุ 88 สาขา, ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 28 สาขา, ศูนย์การค้า GO! 44 สาขา และซูเปอร์มาร์เก็ต go! 16 สาขาในเวียดนาม

พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะรีโนเวทห้างร้านต่าง ๆ เสร็จสิ้นในช่วงสิ้นปีนี้ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาปิ่นเกล้า และสาขาแจ้งวัฒนะ รวมถึงศูนย์การค้า GO! สาขาทังลอง (Thang Long) และดงนาย (Dong Nai) ในเวียดนาม ที่พร้อมเผยโฉมใหม่เพื่อต้อนรับลูกค้าทุกคน

'เซ็นทรัล รีเทล' เผยผลประกอบการ 9 เดือน กำไรหด เหตุเศรษฐกิจชะลอ–กำลังซื้ออ่อนตัว

นอกจากนี้ในด้านธุรกิจ New Growth Engine ของเซ็นทรัล รีเทล ก็ได้ขยายสาขาเพิ่มเติมในทำเลศักยภาพทั่วไทย โดยคาดว่าปิดปี 2568 จะมีโก โฮลเซลล์ ทั้งสิ้น 14 สาขา และออโต้วัน มากกว่า 50 สาขา ขณะเดียวกันในช่องทางออนไลน์ที่มีการพัฒนาแพลตฟอร์มมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายจาก Central App ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้นถึง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายปเนต กล่าวทิ้งท้ายว่า ด้วยอีโคซิสเต็มที่แข็งแกร่งของเซ็นทรัล รีเทล ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง โดยเราเชื่อมั่นว่าภายใต้กลยุทธ์ ‘New Heights, Next Growth’ ผนวกกับการบริหารธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพของเซ็นทรัล รีเทล จะช่วยผลักดันและต่อยอดการเติบโตขององค์กรให้ก้าวข้ามทุกความท้าทายสู่การเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป