'ไทยเบฟ' อัดงบ 4,000 ล้าน เร่งเครื่อง ตลาด ‘เหล้า-เบียร์’

14 ต.ค. 2568 | 08:05 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ต.ค. 2568 | 08:10 น.

‘ไทยเบฟ’ เดินเกมสร้างแต้มต่อกลุ่มเหล้า-เบียร์ ปรับไซส์ ลดปริมาณ เจาะฐานผู้บริโภคใหม่ พร้อมเดินหน้าโรงงานใหม่ในกัมพูชา เผย “ช้าง” ขึ้นเบอร์ 1 ในตลาดเบียร์ 2.6 แสนล้าน หลังเบียดแชร์แซงหน้าคู่แข่งในรอบ 20 ปี

KEY

POINTS

  • ไทยเบฟจัดสรรงบลงทุน 4,000 ล้านบาทสำหรับธุรกิจสุราและเบียร์ในปีงบประมาณ 2569
  • แบ่งการลงทุนอย่างละครึ่ง โดยธุรกิจสุราและธุรกิจเบียร์จะได้รับงบส่วนละ 2,000 ล้านบาท
  • ธุรกิจสุราจะเน้นการออกสินค้าขนาดเล็กลงในรูปแบบกระป๋องและรุกตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่ม (RTD) เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
  • ธุรกิจเบียร์ใช้เงินลงทุนสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในกัมพูชา เพื่อขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน

ในบรรดากลุ่มธุรกิจสำคัญของ “ไทยเบฟ” กลุ่มธุรกิจที่ยังคงถูกจับตามากที่สุดคือ “เหล้า–เบียร์” ซึ่งถือเป็นสองเสาหลักที่สร้างชื่อและรายได้มหาศาลให้กับบริษัท โดยในปีงบประมาณ 2569 (1 ตุลาคม 2568 – 30 กันยายน 2569) ไทยเบฟได้จัดสรรงบลงทุนรวม 9,000 ล้านบาท ซึ่ง 4,000 ล้านบาทจะเป็นงบที่ถูกทุ่มไปยัง “ธุรกิจสุราและเบียร์” กลุ่มธุรกิจลูกหม้อที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของไทยเบฟ และกำลังถูกปรับแผนครั้งใหญ่เพื่อรองรับการแข่งขันและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค

นายโสภณ ราชรักษา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุรา และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคลและสมรรถนะองค์กร เป็นแม่ทัพใหญ่ เปิดเผยว่า ผลประกอบการล่าสุดของธุรกิจสุรายังถือว่าแข็งแกร่ง แม้รายได้จะอยู่ที่ 92,778 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน แต่ปริมาณขายรวมลดลงเล็กน้อย 0.8% EBITDA อยู่ที่ 22,161 ล้านบาท ลดลงเพราะค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการสร้างแบรนด์และการเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ ทว่าในเชิงกลยุทธ์ ไทยเบฟได้แสดงให้เห็นการปรับตัวที่น่าสนใจและสะท้อนทิศทางใหม่ของตลาด

ทั้งนี้จะเห็นว่าตลาดสุราแสนล้าน หลังยุคโควิด-19 พฤติกรรมผู้ดื่มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน จำนวนผู้บริโภคลดลง และมีแนวโน้มเลือกซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อยลงเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย แต่ยังไม่เลิกดื่มอย่างสิ้นเชิง นี่จึงเป็นจังหวะสำคัญที่ไทยเบฟปรับกลยุทธ์ด้วยการ “ลดไซส์” สินค้ากลุ่มสุราสี ให้ออกมาใน บรรจุกระป๋องขนาด 200 มิลลิลิตร ถือเป็นการเปิดเกมใหม่ในการเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ที่นิยมดื่มน้อย แต่ยังคงมีความต้องการ

\'ไทยเบฟ\' อัดงบ 4,000 ล้าน เร่งเครื่อง ตลาด ‘เหล้า-เบียร์’

แผนดังกล่าวจะเริ่มจากการนำร่องในแบรนด์หลักอย่าง หงส์ทอง ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 1 ปี 2569 ตามด้วย แม่โขง และ เมอริเดียน ขณะเดียวกัน กลุ่ม “สุราขาว” ยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะแบรนด์ “รวงข้าว” ที่ไทยเบฟยังคงผลักดันต่อเนื่อง การรุกตลาดสุราพร้อมดื่ม (RTD) ก็ถูกมองว่าเป็นดาวรุ่งใหม่ในพอร์ตธุรกิจ เพราะตลาดเครื่องดื่มผสมพร้อมดื่มกำลังเติบโตในระดับ 2–3% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของตลาดสุรารวม ทำให้ RTD มีโอกาสกลายเป็นหัวหอกสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสุราไทยเบฟในอนาคต

“สำหรับการลงทุน 2,000 ล้านบาทของกลุ่มสุรา ครึ่งหนึ่งถูกจัดไว้สำหรับการขยายกำลังการผลิตและคลังสินค้า ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ โรงงานในเมืองแอร์ดรี (สหราชอาณาจักร), นิวซีแลนด์ และโรงงานในไทย ส่วนอีกครึ่งหนึ่งมุ่งไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการทำตลาดเพื่อเจาะฐานผู้บริโภครุ่นใหม่ที่กำลังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก”

ฝั่งธุรกิจเบียร์ซึ่งมีรายได้ 96,497 ล้านบาท และเตรียมใช้งบลงทุน 2,000 ล้านบาท โดยมี นายไมเคิล ไชน์ ฮิน ฟา ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเบียร์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบียร์โค จำกัด กล่าวว่า แผนลงทุนปี 2569 ไทยเบฟเลือกเดินเกมรุกด้วยการสร้างโรงงานผลิตเบียร์แห่งใหม่ในกัมพูชา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 เดือนข้างหน้า ด้วยกำลังการผลิตเบื้องต้น 50 ล้านลิตรต่อปี การเดินหน้าโครงการนี้ชี้ชัดว่าไทยเบฟยังไม่ทิ้งตลาดกัมพูชา ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในตลาดเบียร์ที่มีศักยภาพสูงที่สุดแห่งหนึ่งในอาเซียน

 ปัจจุบันตลาดเบียร์ไทยมีมูลค่าสูงกว่า 2.6 แสนล้านบาท และแข่งขันกันอย่างดุเดือดระหว่างสองค่ายหลักคือ “สิงห์” และ “ช้าง” ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา การชิงตำแหน่งผู้นำตลาดแทบไม่เคยนิ่ง แต่ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา “เบียร์ช้าง” สามารถ พลิกกลับขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งตลาดนำห่างคู่แข่งราว 2%

 นี่คือการกลับมาครองบัลลังก์ผู้นำของ “ช้าง” ในรอบสองทศวรรษ ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์เชิงรุก ทั้งการพัฒนาสินค้า การบริหารต้นทุน และการตลาดเชิงสร้างสรรค์ ผลักดันให้ EBITDA Margin ของธุรกิจเบียร์เพิ่มจาก 12.5% เป็น 13% และทำให้ EBITDA เพิ่มขึ้นเป็น 12,573 ล้านบาท