ไทยเบฟ ชี้ ‘สุราเสรี’ ดันเค้กตลาดน้ำเมา ย้ำรัฐต้องคุมเข้มมาตรฐานคู่แข่งใหม่

30 ก.ย. 2568 | 09:33 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ต.ค. 2568 | 03:25 น.

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ไทยเบฟ ปรับกลยุทธ์ธุรกิจสุราด้วยการเน้นตลาดพร้อมดื่ม (RTD) ลดไซส์ ขยายไลน์สินค้า เพิ่มทางเลือก นักดื่มหน้าใหม่ ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายปีหน้า

KEY

POINTS

  • ไทยเบฟมองว่านโยบายสุราเสรีจะช่วยขยายมูลค่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยรวมให้เติบโตขึ้น
  • เรียกร้องให้ภาครัฐกำหนดและควบคุมมาตรฐานการผลิตและคุณภาพของผู้ประกอบการรายใหม่ให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม
  • บริษัทปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาการเติบโต โดยเน้นการออกสินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มพร้อมดื่ม (RTD) และสุราขนาดเล็ก

นายโสภณ ราชรักษา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุราของไทยเบฟฯ กล่าวว่า เปิดเผยถึงมุมมองต่อก พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ 2 โดยมองว่าแนวโน้มการ “เปิดเสรีสุรา”  ถือเป็นโอกาสสำคัญในการขยายมูลค่าตลาดโดยรวม แต่สิ่งที่น่ากังวลและต้องการให้ภาครัฐให้ความสำคัญคือการกำหนดมาตรฐานการผลิตและคุณภาพของสินค้าให้ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ประกอบการรายใหม่จะเข้ามาแข่งขันภายใต้กติกาเดียวกันและไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในระยะยาว

บริษัทฯ ยังคงติดตามความคืบหน้าของกฎหมายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในประเด็นการโฆษณาที่ยังรอความชัดเจนอยู่ซึ่งต้องรอกฎหมายลูกที่คาดว่าจจะใช้เวลาราว 1 ปี

แม้ปีที่ผ่านมาธุรกิจสุราต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่ไม่ได้ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงไตรมาสแรกตามที่คาดการณ์ไว้ แต่ตลาดในประเทศซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 80% ของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด ยังคงฟื้นตัวกลับมาได้ดีในช่วงไตรมาส 2 และ 3

ไทยเบฟ ชี้ ‘สุราเสรี’ ดันเค้กตลาดน้ำเมา ย้ำรัฐต้องคุมเข้มมาตรฐานคู่แข่งใหม่

เพื่อรักษาการเติบโตนอกเหนือจากอัตราปกติของตลาดที่โตเพียง 2-3% ต่อปี ไทยเบฟ ได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะในตลาด RTD (Ready-to-Drink) ผลิตภัณฑ์พร้อมดื่ม ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในเซ็กเมนต์นี้ในไตรมาส 1/2569 รวมถึงการออกสุราสีขนาดเล็ก 200 มล. เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังโควิด ซึ่งนิยมซื้อในปริมาณที่น้อยลง

ธุรกิจสุรามีรายได้จากการขายงวด 9 เดือน ปี 2568 จำนวน 92,778 ล้านบาท  ซึ่งทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ปริมาณขายรวมลดลง 0.8% โดย EBITDA ลดลงเป็น 22,161 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนเพื่อเสริมแกร่งตราสินค้าและสนับสนุนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่วนธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเมียนมา ยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ธุรกิจสุราในไตรมาสล่าสุดมีกำไรที่ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน