KEY
POINTS
นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่ง รายใหญ่ในภาคอีสาน เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า หากมองจากทิศทางการเมือง คาดว่าหลังจาก 4 เดือนภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลยุคคุณอนุทิน ชาญวีรกูล น่าจะเกิดการเลือกตั้งอย่างแน่นอน ระหว่างนี้ ก็ถือว่าฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลและทีมบริหารได้ดี ทำงานจริงจัง ทำทันที เกิดความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเรื่องโครงการคนละครึ่งที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระบบฐานรากขึ้นมาได้
ในมุมมองพ่อค้า-นักธุรกิจ ก็คาดหวังว่าการฟื้นโครงการคนละครึ่ง ซึ่งเป็นเครื่องมือเก่าที่เกิดจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้พิสูจน์แล้วว่ากระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง น่าจะทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 4 ภายในปี 2568 หรืออย่างน้อย 3-4 เดือน นับจากนี้หมุนมากขึ้น และคาดว่าอาจมีโครงการบัตรธงฟ้าประชารัฐสำหรับร้านค้าใหญ่ตามมาด้วย ถือว่ารัฐบาลกำลังมาถูกทาง
นายมิลินทร์ กล่าวว่า แม้นายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุด 4 เดือนนี้ กำลังทำงานคล้ายหาเสียง ทำเพื่อพรรคการเมืองของตัวเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ในภาคส่วนต่างๆ เริ่มเกิดความเชื่อมั่น ภาพที่สื่อออกมาคือการแอ็กชันทำงานทันที ทำงานเต็มเวลาและทำเร็ว ไม่เล่นเกมการเมืองมากนัก มีความได้เปรียบพรรคอื่นๆ และอาจจะชนะการเลือกตั้งในอนาคตหรือกลายมาเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1-2 ได้
“ผมเห็นการทำงานของนายกรัฐมนตรี พาทีมไปพบกับคณะธนาคารแห่งประเทศไทย พยายามทำงานแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ทดลองงานใช้เงินงบประมาณมั่ว แต่เมื่อมองพรรคการเมืองของรัฐบาลชุดเดิม 3 ไตรมาสของปี 2568 ที่ผ่านมา ไม่มีแอ็คชันอะไรเลย และเล่นการเมืองหนักมาก ปัจจุบันก็ยังหาทางฟ้องคณะทำงานชุดปัจจุบันสารพัด ทั้งที่เรื่องเร่งด่วนควรเป็นเรื่องการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้คะแนนความนิยมของรัฐบาลชุด 4 เดือนดูน่าเชื่อถือมากกว่า”
ตอนนี้ การแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและอีกหลายเรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ ประเทศไทยจะตกต่ำไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว หากรัฐบาลชุด 4 เดือนทำได้แม้ไม่เต็ม 100% แค่ทำให้เศรษฐกิจและกำลังซื้อกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับการเลือกตั้งในครั้งถัดไป ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศไทยอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม หวังว่าประเทศไทยจะสามารถฟื้นจากปัญหารุมเร้าขึ้นมาได้อีกครั้ง เชื่อว่าคนไทยหลายคนคงไม่อยากเห็นภาพการทะเลาะกันของนักการเมืองแล้ว การหาเสียงในอนาคตก็คงไม่อยากสนับสนุนนักการเมืองที่สาดโคลนฝ่ายตรงข้าม แค่อยากฟังนโยบายเพื่อประชาชนเพียงแค่ 15 นาที แค่นั้นก็เพียงพอต่อการให้คะแนนเสียงแล้ว