CPALL ไตรมาส 2 ปี 68 กำไร 6,768 ล้าน เร่งลงทุน 1.3 หมื่นล้าน ขยายสาขา 700 แห่ง

14 ส.ค. 2568 | 06:23 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ส.ค. 2568 | 06:31 น.

CPALL แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ด้วยรายได้รวม 256,574 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 6,768 ล้านบาท เติบโต 8.5% แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว ธุรกิจเรือธง เซเว่นเซเว่น อีเลฟเว่น ยังคงเติบโตอย่างโดดเด่นและเป็นปัจจัยหลักในการหนุนกำไร

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 2568 ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวและได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อยสามารถทำรายได้รวม 256,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% และมีกำไรสุทธิ 6,768 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

รายได้ที่เพิ่มขึ้นนี้มาจากการเติบโตของยอดขายในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก และธุรกิจอื่นๆ โดยเฉพาะ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ มีการเติบโตอย่างโดดเด่นและเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนกำไรสุทธิของบริษัทฯ

ผลการดำเนินงานของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ

การขยายสาขา ในไตรมาส 2/2568 มีการเปิดร้านสาขาใหม่รวม 165 สาขา ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวม 15,595 สาขา แบ่งเป็นร้านของบริษัทฯ 7,959 สาขา และร้านแฟรนไชส์ (SBP) 7,636 สาขา

รายได้และยอดขาย  ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายและบริการ 117,706 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% ยอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันอยู่ที่ 85,690 บาท และยอดซื้อต่อบิลประมาณ 88 บาท แม้จำนวนลูกค้าต่อวันจะลดลงเล็กน้อยจากผลกระทบด้านสภาพอากาศและจำนวนนักท่องเที่ยว แต่บริษัทฯ ยังคงใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline) อย่างต่อเนื่อง เช่น 7Delivery และ All Online ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ถึง 11% ของยอดขายรวม

CPALL ไตรมาส 2 ปี 68  กำไร 6,768 ล้าน เร่งลงทุน 1.3 หมื่นล้าน ขยายสาขา 700 แห่ง

อัตรากำไรขั้นต้น ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีกำไรขั้นต้น 34,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.0% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 29.3% ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์การบริหารจัดการสินค้าและการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีกำไรสูง

แผนธุรกิจและแนวโน้มในปี 2568

CPALL วางแผนที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนดังนี้

เป้าหมายการขยายสาขา วางแผนลงทุนเปิดร้าน 7-Eleven สาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขาในปี 2568 และยังมีแผนขยายสาขาในกัมพูชาและ สปป.ลาว เพิ่มเติม คาดว่าจะใช้งบลงทุนรวม 12,000 – 13,600 ล้านบาท โดยเน้นไปที่การเปิดร้านสาขาใหม่ การปรับปรุงร้านเดิม โครงการใหม่ และการลงทุนในระบบสารสนเทศ

คาดว่ารายได้จากการขายและบริการจะเติบโตในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) โดยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ทั้งสภาวะเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และกำลังซื้อในประเทศ

ตั้งเป้าที่จะขยายอัตรากำไรขั้นต้นให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาระบบคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีกำไรสูงในทุกกลุ่มสินค้า