กลุ่มบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พาเหรดรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ที่แสดงถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโต แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ด้วยกลยุทธ์ที่ปรับตัวและปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ทำให้หลายบริษัทสามารถทำกำไรและรายได้เติบโตได้อย่างน่าสนใจ
นายปเนต มหรรฆานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ว่า บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ โดยมี รายได้รวม 69,280 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ กำไรสุทธิ 2,337 ล้านบาท เติบโต 8%
ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจผ่านกลยุทธ์ CRC OMNI-Intelligence ที่แข็งแกร่ง และพอร์ตโฟลิโอที่มีความยืดหยุ่น ทำให้บริษัท สามารถรับมือและปรับตัวได้ทันต่อทุกสถานการณ์ รวมถึงการใช้กลยุทธ์ 3C (Cash, Cost, Capex) ในการบริหารค่าใช้จ่าย การลงทุน และรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวเวียดนามที่ฟื้นตัวอย่างคึกคักในช่วงเทศกาลและยอดขายจากโครงการ Easy E-receipt ที่เติบโตได้ดี แม้วงเงินจะลดลงกว่าปีก่อน
ในไตรมาสนี้ CRC ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ โดยเฉพาะใน กลุ่มแฟชั่น ที่มีการเติบโตโดดเด่นหลังการปรับโฉมห้างเซ็นทรัล ชิดลม ทำให้ยอดขายพุ่งถึง 47% นอกจากนี้ ยังมีการขยายสาขา GO WHOLESALE เพิ่ม 3 แห่งในภาคอีสานและใต้ และ ไทวัสดุ เปิดสาขาใหม่ที่กาฬสินธุ์ พร้อมรีโนเวทสาขาเดิมเป็นไฮบริดสโตร์ นอกจากนี้ธุรกิจในประเทศเวียดนามยังมีการเติบโตที่ดี โดยเตรียมเปิดศูนย์การค้า GO! ใหม่อีก 2 สาขาในช่วงครึ่งปีหลังด้วย
ด้านบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 มี รายได้รวม 1.21 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี กำไรสุทธิ 4,227 ล้านบาท เติบโต 2% ปัจจัยหลักมาจากความแข็งแกร่งของธุรกิจให้เช่าและบริการ รวมถึงธุรกิจโรงแรม Centara และ GO! ที่เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยอดโอนโครงการที่พักอาศัยแนวราบยังเติบโตได้ถึง 10% สวนทางกับภาวะอุตสาหกรรมที่มีความท้าทาย
ไฮไลท์ที่ส่งผลต่อธุรกิจในไตรมาส 1/68 ประกอบด้วย การเปิดตัวโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ และ โครงการที่พัก อาศัยแนวราบ ในปลายเดือนมี.ค.68 โดยโครงการ Market Place Theprak เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ New Model โครงการแรก ผนวกคอมมูนิตี้มอลล์ กับตลาดสดเข้าด้วยกัน รวมพื้นที่กว่า 7,000 ตร.ม. โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่เกือบ 90% ในวันเปิดให้บริการ และโครงการที่พักอาศัยแนวราบ บ้านนิรดา แจ้งวัฒนะ-ชัยพฤกษ์ ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 1,720 ล้านบาท
CPN ยังคงเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การจัดกิจกรรมทางการตลาดในศูนย์การค้า และการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้บริการ โดยในครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส Central Park และโครงการ เซ็นทรัล กระบี่ด้วย
แม็คโคร-โลตัสส์ ยอดขายโต
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 มี กำไรสุทธิ 2,643.19 ล้านบาท เติบโต 6.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 1.29 แสนล้านบาท เติบโต 2.3% ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของยอดขาย การเติบโตของกำไรขั้นต้น และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการผนึกกำลังหลังการควบบริษัท
การเติบโตของยอดขายมาจากทุกหน่วยธุรกิจ ทั้งธุรกิจค้าส่ง (แม็คโคร) และธุรกิจค้าปลีก (โลตัสส์) โดยเฉพาะการเติบโตของยอดขายนอกร้านผ่าน Omni Channel และการเติบโตของกลุ่มสินค้าอาหารสด สินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ และสินค้าราคาคุ้มค่าที่มีจำหน่ายเฉพาะ
สำหรับปีนี้บริษัทและบริษัทย่อยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการเติบโตของธุรกิจที่ครอบคลุมทุกมิติ การเพิ่มประสิทธิภาพจากการขาย Omni Channel ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนต่อยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยการขายนอกร้านผ่านแอปพลิเคชันยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วรวมถึงการขยายพื้นที่ให้บริการซึ่งใช้จุดแข็งของสาขาที่มีกว่า 2,600 สาขาทั่วประเทศ เป็นจุดกระจายและจัดส่งสินค้าเพื่อเพิ่มอรรถประโยชน์ของสินทรัพย์ที่มีอยู่
สำหรับแนวโน้มปี 2568 CPAXT ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการเปิดสาขาใหม่ การเพิ่มประสิทธิภาพ Omni Channel และการพัฒนาศูนย์การค้าให้เป็นศูนย์กลางชุมชน อย่างไรก็ตาม บริษัทเดินหน้าเพิ่มพื้นที่เช่าและปรับโฉมสาขา พร้อมทั้งการบริหารพื้นที่ศูนย์การค้าให้เป็นศูนย์กลางชุมชนที่รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัย
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 มี กำไรสุทธิ 7,585.23 ล้านบาท เติบโต 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 2.52 แสนล้านบาท เติบโต 4.8% ปัจจัยหลักมาจากการปรับตัวดีขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในช่วงต้นปี เช่น Easy E-Receipt และมาตรการเงินโอนเฟสสอง รวมถึงการท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโต
ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 113,970 ล้านบาท เติบโต 7.7% โดยมียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันเพิ่มขึ้น 3% และยังคงใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline และ Offline to Online) อย่างต่อเนื่องผ่าน 7Delivery และ All Online ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 11% ของรายได้จากการขายสินค้ารวม
ขณะที่จะใช้งบลงทุนราว 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท เดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง 700 แห่งทั่วไทยในปี 2568 พร้อมปักธงร้านสาขาใหม่ในกัมพูชาและสปป. ลาว หวังอำนวยความสะดวก เข้าถึงลูกค้าทุกพื้นที่ รับการขยายตัวของชุมชน-แหล่งท่องเที่ยว คาดรายได้โตตาม GDP เน้นสินค้ากำไรขั้นต้นสูง ทั้งอาหาร-เครื่องดื่ม-ของใช้
ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ของกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวและการใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ แม้จะมีความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ การฟื้นตัวของกำลังซื้อในบางตลาด และการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเหล่านี้ยังคงสามารถสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรได้อย่างน่าพอใจ และยังคงมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,098 วันที่ 22 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568