ท่ามกลางสงครามการค้าระลอกใหม่ ระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศคู่ค้า ไทยกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ จากมาตรการ “ภาษีกำแพง” ฉบับใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ด้วยอัตราภาษี 36% สูงกว่าคู่แข่งในภูมิภาคอาเซียนอย่าง เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย อย่างชัดเจน
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าถ้าไม่ลุกขึ้นยืนอย่างมียุทธศาสตร์ ประเทศไทยจะไม่ใช่ฐานเศรษฐกิจที่ใครนึกถึงอีกต่อไป
“ประเทศไทยกำลังเผชิญสถานการณ์ ‘เศรษฐกิจหลังพิงเชือก’ ที่จะต้องออกจากมุมตั้งรับ เปลี่ยนผ่านสู่ยุทธศาสตร์เชิงรุกเพื่อพึ่งพาตนเอง และสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่ยืนบนขาของตัวเองอย่างแท้จริง”
หากไทยยังคงติดกับดักการพึ่งพาตลาดเดิม โครงสร้างแบบเดิม ระบบราชการเดิม ขณะที่โลกกำลังก้าวกระโดดผ่านสงครามเทคโนโลยี พลังงาน เงินทุน และแรงงาน การแข่งขันเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคก็ยิ่งบีบให้ไทยต้อง “ยืนให้ได้ก่อนจะถูกเบียดตกแผนที่เศรษฐกิจอาเซียน” อย่างที่นายแสงชัยเตือน
เพื่อให้ไทยสามารถตั้งหลัก และพลิกกลับสู่เกมแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาเสนอ “8 ประเด็นยุทธศาสตร์เร่งด่วน” ที่ภาครัฐต้องขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ดังนี้
1. ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ-ขยาย FTA อย่างเร่งด่วน การเจรจากับสหรัฐฯ ที่ล้มเหลวควรเป็นบทเรียนสำคัญ ไทยต้องเร่งทำข้อตกลงทางการค้า (FTA) กับตลาดใหม่ พร้อมสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ผ่านการยกระดับมาตรฐานสินค้า เทคโนโลยี ESG และการกำจัดทุนสีเทา-ทุนแฝงต่างชาติที่บิดเบือนตลาดไทย
2. จัดการความขัดแย้งชายแดน-เสริมความมั่นคงเศรษฐกิจฐานราก สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และภาคใต้ หากปล่อยให้ลุกลามอาจกระทบถึงการค้า การท่องเที่ยว และแรงงานอย่างรุนแรง รัฐต้องเร่งสร้างกลไกความมั่นคงที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
3. เสถียรภาพการเมืองต้องชัด-นโยบายต้องต่อเนื่อง ภาคธุรกิจต้องการความมั่นใจ การเบิกจ่ายงบประมาณ แผนโครงการเศรษฐกิจต้องไม่สะดุด พร้อมเร่งออกกฎหมายเพื่อสร้างแต้มต่อทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ไม่ให้การเมืองเป็นอุปสรรคอีกต่อไป
4. ปลดล็อกกับดักหนี้-เพิ่มทุนหมุนเวียน SME หนี้ครัวเรือน หนี้ SME และหนี้นอกระบบกำลังเป็นระเบิดเวลา รัฐต้องสร้างกลไกปลดหนี้อย่างเป็นระบบ พร้อมยกระดับการเข้าถึงสินเชื่อและทุนเพื่อฟื้นความแข็งแรงของธุรกิจรายย่อย
5. เตรียมพร้อมรับภัยธรรมชาติ-เดินหน้าเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง การจัดการแหล่งน้ำ และการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างพลังงานต้องเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้เกษตรกรและ SME สามารถตั้งตัวในโลกใหม่ที่คาร์บอนคือต้นทุนสำคัญ
6. ท่องเที่ยวไทยต้องมีทิศทางชัด สร้างแบรนด์อย่างจริงจัง จากแค่ “แหล่งเที่ยว” สู่ “แหล่งสร้างเศรษฐกิจ” การท่องเที่ยวต้องใช้เทคโนโลยีแพลตฟอร์ม โปรโมชัน และภาพลักษณ์ใหม่ของไทยสร้าง “Thailand Creative Destination” เพื่อแข่งขันในตลาดโลก
7. ลงทุนต้องชัด กลยุทธ์ต้องแม่น - ป้องกันศูนย์เหรียญสูญเปล่า มาตรการส่งเสริมการลงทุนต้องเน้นผลประโยชน์จริง ลดโครงการศูนย์เหรียญที่ไร้ประโยชน์ สร้างระบบที่กระตุ้นการลงทุนจากต่างชาติและภายในประเทศให้เกิดเศรษฐกิจจริง ไม่ใช่ตัวเลขบนเอกสาร
8. รับมือการว่างงาน-เตรียมคนให้พร้อมเศรษฐกิจใหม่ แรงงานและบัณฑิตจบใหม่คือ “ต้นทุนแห่งอนาคต” ต้องมีระบบ reskill/upskill ที่ทันสมัย รองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
นายแสงชัยย้ำว่า “เศรษฐกิจไทยจะฟื้นไม่ได้ถ้าไม่ฟื้นทั้งระบบรัฐต้องไม่แค่รับฟัง แต่ต้องขยับให้เร็ว และลงมืออย่างเป็นรูปธรรม SME พร้อมปรับตัว แต่ต้องการความมั่นใจว่า รัฐจะไม่ทิ้งพวกเขาไว้ลำพัง”