นางสาวพราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ กล่าวว่า ในปีนี้ ชาตรามือก้าวสู่การฉลองครบรอบ 80 ปี แบรนด์ชาไทยที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการเติบโตที่ไม่หยุดนิ่งและการมุ่งมั่นที่จะขยายสู่เวทีระดับโลก
เพราะมองเห็นศักยภาพความแข็งแกร่งของแบรนด์ชาตรามือ เสริมด้วยการมีเมนูชาไทยซิกเนเจอร์ ที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก โดยมี 3 กลยุทธ์หลักที่จะนำพา ชาตรามือ สู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำของโลก ได้แก่
ขยายการส่งออกสินค้าชาตรามือไปยังต่างประเทศมากขึ้น พร้อมกับการขยายสาขาร้านชาตรามือในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ส่งผลให้ชื่อของแบรนด์ชาตรามือเป็นที่รู้จักครอบคลุมทั่วโลก ปัจจุบันชาตรามือ มีการส่งออกสินค้าภายใต้แบรนด์ชาตรามืออย่างเป็นทางการไปมากกว่า 21 ประเทศ และ มีสาขาในต่างประเทศจำนวน 114 สาขา ใน 11 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ จีน
และเขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง กัมพูชา พม่า มาเลเซีย บรูไน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยในปีนี้มีแผนการขยายไปอีก 4 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา ลาว เม็กซิโก และอินโดนีเซีย ขยายสาขาต่างประเทศรวม 130 สาขา โดยเน้นที่ 4 ประเทศหลัก ได้แก่ แคนาดา ลาว อินโดนีเซีย และเม็กซิโก
ส่วนประเทศไทยปัจจุบันชาตรามือมีสาขาจำนวน 220 แห่ง และตั้งเป้าจะขยายเป็น 250 แห่งในปีนี้ โดยการขยายตัวนี้จะครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักต่างๆ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น รวมทั้งหัวเมืองรอง ที่มีศักยภาพในการเติบโต
ที่ผ่านมา ชาตรามือ มีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า ตัวอย่างสินค้าที่เป็นที่รู้จัก และชื่นชอบของลูกค้า คือชากุหลาบ เป็นที่นิยมมากในโลกโซเชียล
ส่งผลให้ชื่อของแบรนด์ชาตรามือ กลายเป็นไวรัลทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังแผนออกสินค้าใหม่ เพื่อการขยายแบรนด์และตลาดชาไทยไปยังตลาดต่างประเทศ
ตัวอย่างสินค้าใหม่ในปีนี้ อาทิ ครั้งแรกของแบรนด์ชาตรามือที่นำเสนอนวัตกรรมชาสะท้อนแนวคิดการรักษารสชาติต้นตำรับ โดยไม่ยึดติดกับภาพจำเดิมให้กับลูกค้าได้ลิ้มลองด้วย “ชาไทยไม่มีสี” พร้อมเสิร์ฟ
ที่หน้าร้านชาตรามือเดือนกรกฎาคม 2568 “ชาไทยสีธรรมชาติ” ช่วงต้นไตรมาส 3 ของปี 2568 และ “ชาไทยคอมบูฉะ” (Sparkling Thai Tea Kombucha) เครื่องดื่มเพื่อตอบสนองต่อลูกค้าที่ให้ความใส่ใจ
ในเรื่องสุขภาพอีกด้วย
ความร่วมมือกับหลากหลายแบรนด์ธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติ ต่อยอดความสร้างสรรค์แบรนด์และเครื่องดื่มจากชาตรามือในรูปแบบต่างๆ โดยไม่จำกัดกรอบให้อยู่แค่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
ตัวอย่างโพรเจกต์ความร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ ในปีนี้ อาทิ Brands แบรนด์รังนก หรือ Universal Music ค่ายเพลงระดับโลก โดยร่วมกับศิลปินดังของค่ายนำเสนอ Tea Making @ ChaTraMue shop (เดือนมิถุนายน 2568) Cremo แบรนด์ไอศกรีมชื่อดังของไทย สร้างไอศกรีมแท่งรสชาไทยครีมชีส ที่ใช้วัตถุดิบชาไทยจากชาตรามือ (เดือนมิถุนายน 2568) เป็นต้น
ในครึ่งปีหลัง ชาตรามือจะเปิดตัวแอพพลิเคชั่นที่มีฟังก์ชันสะสมคะแนนและรับสิทธิพิเศษ พร้อมทั้งรองรับการสั่งเครื่องดื่มผ่านแอพโดยไม่ต้องรอคิว นอกจากนี้ในส่วนของการผลิต ชาตรามือมีโรงงานผลิตที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีการขยายไลน์ผลิตและการปรับปรุงการผลิตทุกปี รวมถึงการใช้โซลาร์เซลล์เพื่อประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม
ในปีนี้ ชาตรามือเตรียมจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อฉลองครบรอบ 80 ปี โดยจะมีการจัด "Thai Tea Festival" ที่เซ็นทรัลเวิลด์ในเดือนกันยายน โดยมีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์หลายรายในการนำเสนอเมนูพิเศษจากชาไทย รวมถึง "Cooking Challenge" และกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นตามสาขาต่างๆ
ปัจจุบันชาตรามือไม่มีกลยุทธ์ขยายแฟรนไชส์ในประเทศ เนื่องจากสินค้าของแบรนด์กระจายทั่วประเทศแล้ว แต่ในต่างประเทศ ชาตรามือมองว่าการขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์เป็นทางเลือกที่เหมาะสมเนื่องจากตลาดแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันและต้องการผู้พาร์ทเนอร์ท้องถิ่นในการช่วยเสริมการเติบโตของแบรนด์
ในปี 2567 ชาตรามือมีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายในประเทศไทยมีสัดส่วนถึง 70% ส่วนรายได้จากการส่งออกและการเปิดสาขาต่างประเทศมีสัดส่วน 30% โดยในปี 2568 ชาตรามือตั้งเป้าจะเติบโต 20% ด้วยการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ในอีก 2 ปีข้างหน้า( ปี 2570) ชาตรามือตั้งเป้ารายได้ถึง 5,000 ล้านบาท และจะมุ่งเน้นการขยายสาขาในจังหวัดใหม่ๆ โดยยังคงรักษาคุณภาพของชาและการบริการที่มีเอกลักษณ์