บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 (มกราคม – มีนาคม) โดยมี กำไรสุทธิ 224 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นถึง 18.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ทำได้ 189 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรสุทธิปรับตัวลดลง 36.5%
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ มี รายได้จากการขาย 1,142 ล้านบาท ลดลง 37.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,836 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ อันเนื่องมาจากฤดูหนาวที่ยาวนานกว่าปกติ ระดับสินค้าคงคลังในยุโรปที่ยังสูง และการที่คู่ค้าในตะวันออกกลางและอินโดนีเซียได้สั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าไปมากในช่วงปลายปี 2567 เพื่อเตรียมจำหน่ายในช่วงรอมฎอน
อย่างไรก็ตาม SAPPE ยังคงสามารถทำผลงานได้ดีใน ตลาดในประเทศ โดยมีรายได้จากการขาย 396 ล้านบาท เติบโตถึง 26.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการตอบรับที่ดีของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เปิดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแคมเปญ ‘สดชื่นแบบรักตัวเอง’ ที่มี ‘โยชิ รินรดา’ เป็นพรีเซนเตอร์ รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ Beauti, B’lue และ Sappe Aloe Vera ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้หลากหลาย นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์มะพร้าวน้ำหอมแบรนด์ All Coco ก็มีการเติบโตของคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวว่า บริษัทฯ คาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 จะเป็นช่วงที่ชะลอตัวที่สุดของปี และจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยน่าจะเห็นการฟื้นตัวและกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง
SAPPE ได้ปรับแผนกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง โดยนำความต้องการของตลาดมาวางแผนการจัดจำหน่ายให้เหมาะสมในแต่ละภูมิภาค พร้อมทั้งทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้า สร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง และวางรากฐานความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว
สำหรับกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) นั้น SAPPE ประเมินว่าปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับต่ำไม่เกิน 5% ของรายได้รวม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตระหนักถึงผลกระทบของสงครามการค้าต่อภาพรวมการค้าโลก และได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมพร้อมรับมือด้วยการวางแผนกลยุทธ์แบบ Scenario Planning เพื่อให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ SAPPE ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายโอกาสในตลาดที่มีศักยภาพอื่นๆ ต่อไป เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร